สะพานข้ามคลองและศาลาพระอุโบสถเก่า หน้าบันชั้นบนเป็นปูนปั้นรูปครุฑจับนาค ซึ่งเป็นตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่หน้าบันมุขลดเป็นปูนปั้นรูปพระมหามงกุฎ อันเป็นตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
16. วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร เดิมเป็นวัดโบราณ ชื่อวัดเขมาหรือวัดเขนมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีผู้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ถึงความทรุดโทรมของวัดเขมา พระองค์จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปเฝ้าสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ เพื่อกราบทูลขอพระราชทานวัดเขมาเป็นวัดกฐินในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี (วัดเขมาเป็นพระอารามที่ต้องนำพระกฐินหลวงในพระบวรราชวังไปทอด) และทำการปฏิสังขรณ์ เมื่อสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิญาณรับว่าจะปฏิสังขรณ์วัดเขมาฉลองคุณ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่สวนถวายเพิ่มเติมเป็นที่วัด ขุดคูรอบวัด สร้างพระอุโบสถ สร้างรูปพระอสีติมหาสาวก 80 องค์ ล้อมพระประธาน สร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่ในด้านหลังพระอุโบสถ มีพระเจดีย์ทิศ 4 พระองค์ เป็นบริวารแล้วให้เลื่อนพระเจดีย์เดิมของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ทรงสร้างไว้ไปตั้งอยู่ใน 4 มุม พระมหาเจดีย์ สร้างพระวิหารน้อย 2 หลัง ที่มุมกำแพงหน้าพระอุโบสถ สร้างการเปรียญ กุฏิ หอพระไตรปิฎก หอสวดมนต์ หอระฆัง สะพาน ศาลา โรงไฟและพระราชทานนาม วัดเขมาภิรตาราม
17. วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นองค์หนึ่งซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดนี้
18. วัดรัชฎาธิฐานราชวรวิหาร เป็นวัดเก่าเดิม ชื่อวัดเงิน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดรัชฎาธิฐาน
19. วัดขุนยวน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดิมเป็นวัดร้าง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นไปขณะที่ทรงผนวชอยู่ โปรดเกล้าฯ ให้ปลูกตำหนักและทรงปฏิสังขรณ์ให้กลับเป็นวัดมีพระสงฆ์ขึ้นอย่างแต่ก่อน
20. วัดเบี้ย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดโบราณอยู่ในวังจันทรเกษม โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชทานเป็นวัดของเจ้าจอมมารดาเที่ยง แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จึงมิได้นิมนต์พระสงฆ์มาประจำวัด
|