สามเณรคบผู้หญิงมาพูดที่กุฏิ ประกาศพระราชบัญญัติเรื่องพระสงฆ์ สามเณรลักเพศ (ม.ร.ว. ศุภวัฒย์ เกษมศรี 2525 : 501) ทั้งนี้ เพื่อให้พุทธจักรมีความบริสุทธิ์ ไม่มัวหมองและเป็นเกียรติยศแก่ บ้านเมืองและประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ดังที่ปรากฏในประชุมประกาศ ความว่า

“...พระสงฆ์สามเณรทุกวันนี้มักประพฤติการนักเลง แปลงเพศเป็นคฤหัสถ์ไปเล่นเบี้ยเล่นไพ่แลสูบฝิ่นกินสุรา ถือศัสตราวุธ เที่ยวกลางคืนชุกชุมมากขึ้นจับได้มาเนือง ๆ ครั้นแปลงเพศมาถึงกุฎีแล้ว ก็สำคัญใจว่าตัวไม่ได้ปลงสิกขาบทกลับ เอาผ้าเหลืองนุ่งห่มเข้าตามเพศเดิม การที่ถือใจว่าไม่ได้ปลง สิกขาบทกลับนุ่งห่มผ้าเหลืองนั้น เป็นความในใจจะเชื่อถือเอาไม่ได้ ฝ่ายคฤหัสถ์ที่แปลงเพศเป็นภิกษุเข้าร่วมสังฆกรรมในคณะสงฆ์นั้น ตามพระวินัยบัญญัติก็มีโทษห้ามอุปสมบท เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้สืบไป พระสงฆ์สามเณรรูปใด ๆ แปลงเพศเป็นคฤหัสถ์ปลอมไปเล่นเบี้ย เล่นไพ่ และสูบฝิ่นกินสุรา ถืออาวุธ เที่ยวกลางคืน อย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวห้ามไว้นั้น มีผู้จับตัวมาได้หรือสึกแล้วยังไม่พ้นสามเดือน มีใครเขาก็ฟ้องกล่าวโทษ พิจารณาเป็นสัจแล้ว จะให้สักหน้าว่าลักเพศภิกษุลงพระราชอาญาเฆี่ยน 2 ยก 60 ทีส่งตัวไปเป็นไพร่หลวงโรงสี...” (กระทรวงศึกษาธิการ 2527 : 58)

“... จึงทรงพระราชดำริเห็นว่า ภิกษุสามเณรทุกวันนี้บวชอาศัยพระศาสนาอยู่เพื่อลาภสักการ ต่างๆ ไม่บวชด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธสิกขาบท ภิกษุสามเณรทุกวันนี้เป็นอลัชชีประพฤติความชั่วนั้นต่าง ๆ จนถึงเป็นปาราชิก ภิกษุ สามเณรทำเมถุนธรรมได้โดยง่ายนั้น เป็นเหตุให้ภิกษุสามเณร ไปหา ผู้หญิงชาวบ้านนั้นโดยง่ายอย่างหนึ่ง ผู้หญิงชาวบ้านไปหาภิกษุสามเณรที่วัดที่กุฎีอย่างหนึ่ง...ให้พระราชาคณะเอาใจใส่ภิกษุสามเณร อย่าให้คบผู้หญิงขึ้น พูดจาบนกุฎีเป็นอันขาด...” (กระทรวงศึกษาธิการ 2527 : 59)

หน้า 10 จากทั้งหมด 22 หน้า
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22