นำมาผลิตเป็นเงินพดด้วงจะมีขนาดเล็กจนหยิบไม่ได้ หรือใหญ่เกินกว่าจะพกพา ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการเพิ่มเข้าและหักออกในการคำนวณเงินตรา จึงใช้วิธีการบอกน้ำหนักหรือจำนวนเงินเรียกว่า ครุตีนกา หรือ ครุเรือนเงิน (นวรัตน์ เลขะกุล 2543 : 23)
|
ชั่ง |
|
ตำลึง |
บาท |
ครุตีนกาหรือครุเรือนเงินที่ใช้บอกราคา |
เฟื้อง |
สลึง |
ไพ |
|
ประเทศไทยเริ่มใช้เงินพดด้วงตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ติดต่อเรื่อยมาจนถึงสมัย กรุงรัตนโกสินทร์
ในสมัยกรุงสุโขทัย พระเจ้าแผ่นดินทรงริเริ่ม และให้ผลิตเงินตราพดด้วงขึ้นใช้ แต่มิได้ผูกขาดในการผลิต ทรงเปิดโอกาสให้เจ้าเมืองขึ้น ตลอดจนพ่อค้าประชาชนผลิตเองได้ เงินพดด้วงสมัยกรุงสุโขทัย จึงมีตราบ้าง ไม่มีบ้าง เนื้อเงินและน้ำหนัก ตลอดจนลักษณะจึงแตกต่างกันไป
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ทางราชการผูกขาดในการทำเงินพดด้วงทั้งหมด ซึ่งมีการผลิตเงินพดด้วงทองคำด้วย และห้ามราษฎรผลิตเงินตราใช้เอง เงิน พดด้วงจึงมีรูปร่างลักษณะ น้ำหนัก และเนื้อเงินเป็นอย่างเดียวกันหมดเป็นต้นมา จนถึงสมัยกรุงธนบุรีและสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
|
 |
ไพ
เฟื้อง
สลึง
บาท
ตำลึง
|
|
รูปเงินพดด้วง ไพ เฟื้อง สลึง บาท ตำลึง
(ภาพจากเบี้ย บาท กษาปณ์ แบงก์ หน้า 23) |