พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยอมรับความเจริญทางด้านการแพทย์มาใช้ในราชสำนักของพระองค์ ด้านการแพทย์โปรดให้ใช้ทั้งการรักษาพยาบาลทั้งแบบไทยและแบบตะวันตก จะเห็นได้จากการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้หมอการแพทย์สมัยใหม่ ถวายการรักษาสมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี และทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้การผดุงครรภ์สมัยใหม่กับเจ้าจอมมารดาบางท่าน ที่แพทย์ไทยไม่สามารถรักษาหรือแก้ไขได้

การพยาบาลหญิงที่คลอดบุตรในประเทศไทย ซึ่งปฏิบัติกันในสมัยนั้น คือ การอยู่ไฟภายหลังการคลอดบุตร หญิงที่คลอดบุตรแล้วจะต้องนอนอยู่บนกระดานไฟ หันท้องไปผิงไฟที่จุดอยู่ในเตาถ่านร้อน กล่าวกันว่าจะทำให้มดลูกแห้ง แต่จะทำให้ผิวหนังพุพองเต็มไปหมดและต้องอยู่ไฟประมาณ 2-3 สัปดาห์ การอยู่ไฟจึงเป็นประเพณีซึ่งต้องกระทำหลังคลอดบุตรของสตรีในสมัยก่อน การอยู่ไฟนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหัตถเลขาไปถึงหมอบลัดเลย์ (มอฟแฟ็ท 2520 : 187) ดังข้อความต่อไปนี้ว่า

“ข้าพเจ้าขอบใจหมอด้วยใจจริง และด้วยความสำนึกในบุญคุณหมอที่ได้มารักษาแล ให้ยาพระมเหสีอันเปนที่รักของข้าพเจ้า แลเปนพระราชมารดาของพระราชธิดาของข้าพเจ้า จนเธอได้ทรงรอดพ้นจากความตาย ข้าพเจ้าได้พิจารณาดูอาการแล้ว เห็นว่าบัดนี้เธอได้ทรงพ้นขีดอันตรายแล้ว... ข้าพเจ้ามีความเชื่อมาก่อนถึงเรื่อง การรักษาพยาบาลทางวิชาหมอตำแยของอเมริกา และยุโรป แต่ข้าพเจ้าเสียใจที่จะบอกว่า ข้าพเจ้ามิสามารถจะทำให้พระมเหสีของข้าพเจ้าเชื่อถือได้ จนเธอใกล้ขีดอันตราย แต่วิธีรักษาของท่านที่ได้เข้ามาสำแดงในพระราชวังนี้ ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ...”

หมอสมิทได้บันทึกว่า “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพยายามเลิกล้มความคิดของฝ่ายในที่ผู้หญิงจะต้องอยู่ไฟตั้งแต่ครึ่งเดือนถึงเดือนหนึ่ง พระองค์ตรัสว่า ด้านพระองค์ทรงทำได้ พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นภายในพระราชวงศ์ของพระองค์ แต่ฝ่ายในไม่ทรงเห็นด้วยกับความคิดเห็นใหม่ ๆ ของพระองค์ ทางฝ่ายในอ้างว่าท่านเหล่านั้นเป็นฝ่ายมีประสูติการ มิใช่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนกระทั่งเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชินี และไม่ทรงยอมอยู่ไฟ ทางราชสำนักจึงยอมละทิ้งแบบแผนที่ปฏิบัติกันมา” (สมิท : 59 อ้างถึงใน มอฟแฟ็ท 2520 : 186)

หน้า 1 จากทั้งหมด 4 หน้า
1 | 2 | 3 | 4