ในสมัยของพระองค์มีชาติมหาอำนาจต่างๆ เข้ามาขอทำสัญญาค้าขายกับไทยหลายชาติ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ฯลฯ ทั้งหมด 12 ประเทศ ในบรรดาประเทศต่างๆ นี้ พระองค์ทรงเลือกทำสัญญากับอังกฤษเป็นชาติแรก ซึ่งนับว่าเป็นความชาญฉลาดของพระองค์ท่าน เพราะสัญญาที่ทรงเจรจาต่อมาหลังจากที่ได้เจรจากับอังกฤษแล้ว ชาติอื่นที่มาเจรจาทีหลัง ต้องอยู่ในฐานะเท่ากันกับอังกฤษ ไม่มากไม่น้อยและอังกฤษจะไม่ยอมให้ประเทศใดได้มากกว่า การเจรจากับฝรั่งต้องรู้เท่าทันฝรั่ง เมื่อทูตจะเข้ามาเจรจา พระองค์จะทรงสืบจุดมุ่งหมายที่เข้ามา แล้วหาทางหนีทีไล่ไว้ การแลกเปลี่ยนต้องเสียให้น้อยที่สุด และที่สำคัญทรงมีพระทัยเย็น ทรงมีพระราชหัตถเลขาไว้ว่า การเจรจากับต่างประเทศที่เป็นมหาอำนาจนั้น ข้อสำคัญอย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม เรื่องเล็กอย่าให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าไปแข็งกระด้าง ต้องวางตัวเป็นกลาง (ส. พลายน้อย 2544 : 129-131)
สัญญากับนานาประเทศที่กล่าวถึงนั้น เริ่มจากสัญญาเบาริงซึ่งทำกับรัฐบาลอังกฤษ ต่อมาทำกับสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เดนมาร์ก โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวีเดน นอรเว เบลเยี่ยม และอิตาลี ตามลำดับ การทำสัญญาเบาริงนี้ มีความสำคัญต่อประเทศไทยมาก เพราะเป็นการเปิดประเทศ ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนประเทศใกล้เคียงที่ปิดประเทศ ไม่ยอมติดต่อกับต่างชาติ จนเกิดการใช้กำลังบังคับ พระองค์ทรงตระหนักว่า การสงครามได้พัฒนาขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อน การนำเทคโนโลยีมาใช้ในสงครามมีความสำคัญมากกว่าแม่ทัพ โดยทรงยกตัวอย่างสงครามอังกฤษกับพม่า ซึ่งในที่สุดพม่าก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ (กระทรวงศึกษาธิการ 2527 : 97) ความว่า
... แลฟังข่าวดูได้ยินว่า พวกเมืองอังวะเมื่อได้ยินว่า ในทัพอังกฤษเกิดความไข้มากลงรากชุมก็ดีใจ ว่าเทวดาช่วยข้างพม่า ฤาเมื่อแอดมิราลออสเตอร์แม่ทัพเรือผู้ใหญ่ในอังกฤษมาป่วยตายลงที่เมืองปรอน เห็นเรืออังกฤษทุกลำชักธงกึ่งเสาเศร้าโศรก คำนับกันตามธรรมเนียมเขา ก็ดีใจว่าแม่ทัพอังกฤษตายเสียแล้ว เห็นจะไม่มีใครบัญชาการ จะกลับเป็นคุณข้างพม่าฟังดูมีแต่การโง่ ๆ บ้า ๆ ทั้งนั้น เมื่อรบครั้งก่อนพม่าคอยสู้อังกฤษอยู่ได้แต่คุมเหงคุมเหงหลายวัน ครั้งนี้ไม่ได้ยินสักแห่งหนึ่งว่าพม่าต่อสู้อังกฤษอยู่ได้ช้าจนห้าชั่วโมงเลย... |