พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระสุขภาพพลานามัยดียิ่งตลอดรัชสมัยของพระองค์ พระอาการป่วยและเป็นผลให้เสด็จสวรรคตเกิดจากไข้ป่าที่ทรงไปติดเชื้อมา ในช่วงเดือนที่เสด็จไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ ได้ 5 วัน ทรงประชวรไข้จับ

เรื่องเกี่ยวกับการประชวรและสวรรคตของพระองค์ เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) เขียนเล่าไว้ว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเริ่มประชวรเป็นไข้ ทรงสะบัดร้อนสะบัดหนาว เป็นคราวๆ พระเสโท (เหงื่อ) ซึมซาบมากกว่าที่เคยทรงพระประชวรไข้ในครั้งก่อนๆ ได้เสวยพระโอสถเพื่อแก้พระอาการก็ไม่ดีขึ้น จับสั่นไปทั้งพระกายาในเวลากลางคืน ทรงกระหายน้ำและเสวยพระกระยาหารไม่ลง หลังจากนั้นพระอาการแปรไปทางอุจจาระธาตุ พระบังคนตกเป็นพระโลหิตลิ่ม เหลว ไปพระบังคนครั้งใดก็มีพระโลหิตเจืออยู่ทุกๆ ครั้ง (วิบูล วิจิตรวาทการ 2544 : 293)

จากบันทึกของหมอบลัดเลย์ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือ Siam Then (บทแปลภาษาไทยโดย มงคล เดชนครินทร์) บันทึกไว้ว่า “ในวันที่ 29 สิงหาคม 2411 ข้าพเจ้าได้รับหมายรับสั่งเรียกตัวให้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับ นายแพทย์วิลเลี่ยม แคมป์เบลล์ (Dr. William Campbell) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำสถานกงสุลอังกฤษ เมื่อเราทั้งสองเข้าเฝ้าก็ได้พบว่าพระองค์บรรทมอยู่และไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดรบกวน เราถึงถอยออกมาและได้รับการขอร้องให้ถวายการรักษาพยาบาลแก่เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ซึ่งประชวรด้วยพระอาการไข้มาหลายวันแล้ว ข้าพเจ้าและนายแพทย์แคมป์เบลล์ได้ตรวจดูพระอาการแล้วก็พบว่าทรงมีไข้อย่างอ่อน และพระองค์เองก็ไม่ทรงรู้สึกว่าจำเป็นต้องรับการพยาบาลตามที่เราได้กราบทูลเสนอแนะ อย่างไรก็ตาม พระอาการประชวรของพระเจ้าอยู่หัวดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าพระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายแพทย์แคมป์เบลล์และข้าพเจ้ากราบบังคมทูลถวายคำแนะนำ เพื่อรักษาพยาบาลก็ตาม ที่จริงแล้วพระองค์ทรงมั่นพระทัยในวิชาการของพระองค์เองมากกว่า ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2411 ข้าพเจ้าได้เข้าไปหาท่านสมุหกลาโหมเพื่อขออนุญาตเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว ท่านได้ให้คำตอบในเชิงปฏิเสธแก่ข้าพเจ้า แต่รับว่าจะกราบบังคมทูลให้ทรงทราบว่า ข้าพเจ้ามาที่พระตำหนักและปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะขอเฝ้าอีกครั้งหนึ่ง ท่านสมุหกลาโหมได้นัดให้ข้าพเจ้าไปพบท่านที่ท้องพระโรง และบอกแก่ข้าพเจ้าว่าท่านได้กราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวถึงเรื่องที่ข้าพเจ้าขอเข้าเฝ้าแล้ว ในระหว่างนั้นได้มีพนักงานมา กราบเรียนท่านสมุหกลาโหมว่า พระเจ้าอยู่หัวยังประชวรรุนแรงอยู่ และมีพระราชประสงค์ให้ข้าพเจ้ารออยู่ก่อน ข้าพเจ้าจึงได้รออยู่ และในระหว่างนั้นก็ได้สนทนาซักถามพระอาการโดยละเอียดจากหมอหลวงที่ได้เข้าไปถวายการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หมอหลวงบอกข้าพเจ้าว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงลุกขึ้นประทับนั่งไม่ได้ และพระอาการทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงมีพระสติสัมปชัญญะดีอยู่ หลังจากที่ข้าพเจ้าได้รออยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง ท่านสมุหกลาโหมก็มาบอกแก่ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเข้าเฝ้าไม่ได้เสียแล้ว ” (มงคล เดชนครินทร์ 2547 : 31)

หน้า 1 จากทั้งหมด 7 หน้า
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7