ขณะนั้นมีเรืออังกฤษลำหนึ่งชื่อ อลังกปูนี มาค้าขายอยู่ที่กรุงสยาม รับอาสาช่วยรบพม่า โดยใช้ปืนเรือยิงพม่าที่เมืองธนบุรี แต่พม่าใช้ปืนใหญที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ยิงเรือกำปั่นอังกฤษจนต้องถอยหนีออกไปทางนนทบุรี เรืออังกฤษยิงปืนใหญ่ใส่พม่าที่วัดเขมาฯ แต่สู้พม่าไม่ไหว พวกอังกฤษต้องล่องเรือกำปั่นหนีออกทะเลไป (อาทร จันทวิมล, 2546 : 228)
โจร คือหมื่นหาญกำบัง นายจันเสือเตี้ย นายมากสีหนวด นายโจรใหญ่สี่คนกับพวกโจรทั้งปวง พระหมื่นศรีเสาวรักษ์ เป็นแม่ทัพ
อาทมาต อาสาตีค่ายป่าไผ่ ได้รบกับพม่าหลายครั้ง ปรากฏว่าล้มตายด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แขก ที่ออกอาสาคือ หลวงศรียศ หลวงราชพิมล ขุนศรีวรขันธ์ ขุนราชนิทาน กับพวกแขกเทศ แขกจาม แขกมะลายู แขกชวา และบรรดาพวกแขกทั้งปวงเป็นจำนวนมาก มีพระจุฬาเป็นแม่ทัพ นำออกไปตีค่ายบ้านป้อม ทางฝ่ายพม่าก็มีแม่ทัพแขกเช่นเดียวกันชื่อ เนโมยกุงนรัด ก็ออกมาต่อสู้กับพระจุฬาบ้าง ต่างก็ล้มตายไปด้วยกัน
มอญ มีหลวงเถกิง พระบำเรอภักดี พระยาเกียรติ พระยาราม กับเหล่ามอญสามโคก บ้านป่าปลา บ้านหัวรอ กับพวกมอญทั้งปวงได้อาสาออกรบ
ลาว ขุนนางมีชื่อคือ แสนกล้า แสนหาญ แสนท้าว เวียงคำ กับพวกลาวกองหาญทั้งปวงเป็นอันมากอาสาออกตีค่ายพม่า
จากนั้นทางการก็เกณฑ์ให้พระยาพลเทพรักษาประตูนคร ให้ตรวจตราบ้านเมืองมีอำนาจเป็นสิทธิ์ขาด
พวกอาสาที่กล่าวนี้ ส่วนมากเป็นพวกต่างด้าว ไทยล้วนเกือบจะไม่มีเพราะถูกฆ่าตายไปในการแย่งชิงอำนาจกันเสียเป็นส่วนมาก ถูกกำจัดด้วยการตัดหัวขั้วแห้ง ประเภทล้างโคตรเสียเป็นจำนวนมาก คนดีๆ ต้องล้มตายไป ด้วยจนกำลังทัพไทยในสมัยขุนหลวงสุริยามรินทร์จึงอ่อนแออย่างที่สุด
|