ในจดหมายเหตุคณะบาทหลวงฝรั่งเศสของมองเซนเยอร์บรีโกต์ถึงผู้อำนวยการคณะต่างประเทศความว่า “… เมื่อพม่าเข้ากรุงได้แล้วนั้น พม่าได้เอาไฟเผาบ้านเรือน ทำลายข้าวของต่างๆ อยู่ 15 วัน และได้ฆ่าฟันผู้คนไม่เลือกว่าคนมีเงินหรือไม่มีเงินก็ฆ่าเสียสิ้น แต่พวกพม่าพยายามฆ่าพระสงฆ์มากกว่าและได้ฆ่าเสียนับจำนวนไม่ถ้วน ข้าพเจ้าเองได้เห็นพม่าฆ่าพระสงฆ์ในตอนเช้าเวลาเดียวกันเท่านั้นกว่า 20 องค์ …” ( ประชุมพงศาวดารฉบับหอสมุดแห่งชาติเล่ม 9, พระนคร : ก้าวหน้า , 2508 : 420)

M.Turpin ในประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรสยาม (History of the Kingdom of Siam แปลโดย ส.ศิวรักษ์ ใน สังคมศาสตร์ปริทัศน์ , ปีที่ 4 ฉบับที่ 4, 2510 : 57) กล่าวถึงสภาพภายหลังกรุงแตกและการกระทำอย่างบ้าคลั่งของพม่าไว้ว่า “… กรุงก็ถูกตีแตก สมบัติพัสดุที่ในพระราชวังและตามวัดวาอารามต่างๆ กลายเป็นสิ่งปรักหักพังและเถ้าถ่านไปสิ้น พวกป่าเถื่อนได้ชัยชนะนี้ยิ่งแสดงความโกรธแค้นหนักขึ้นเพราะไม่ได้ทรัพย์สมบัติ ดังความโลภเพื่อให้หายแค้น ได้แสดงความทารุณโหดร้ายแก่ชาวเมืองทั้งหลาย ถึงกับจับคนมาลนไฟที่ส้นเท้า

ทหารพม่าฉุดคร่า ทำอนาจาร
(เอื้อเฟื้อภาพโดย เมืองโบราณ)

ทหารพม่าเข้าปล้นสดมภ์ และฆ่าไม่เว้น
(เอื้อเฟื้อภาพโดย เมืองโบราณ)