ทหารพม่าเอาไฟเผา และสุมพระพุทธรูปพระศรีสรรเพ็ชรดาญาณ (พระพุทธรูปยืน)
เพื่อให้ทองคำหุ้มองค์ละลายเก็บเอาทองคำ ที่หุ้มองค์พระพุทธรูปหนัก 286 ชั่ง ไปใช้ประโยชน์ที่เมืองพม่า
(เอื้อเฟื้อภาพโดย เมืองโบราณ) |
การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งนี้ เป็นการศูนย์เสียที่ใหญ่หลวงของชาติไทย พม่าไล่ฆ่าฟันผู้คนล้มตายเป็นอันมาก ทรัพย์สินสมบัติสูญเสียถูกทำลาย ถูกขุดค้นไปทั่วทุกแห่งหน โดยตั้งใจจะไม่ให้ไทยมีทรัพย์สมบัติอะไรเหลืออยู่ แม้แต่วัดวาอารามอันวิจิตรงดงาม เป็นที่เคารพในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาเดียวกับพม่า พม่าก็เอาไฟเผา และเอาไฟสุมพระพุทธรูปพระศรีสรรเพ็ชรดาญาณ (พระพุทธรูปยืน ทองหล่อหนัก 53,000 ชั่ง (44,166.66 กิโลกรัม) ในสมัยนั้นพระพุทธรูปองค์นี้ ประดิษฐานในพระวิหารหลังกลาง วัดพระศรีสรรเพชญ์) เพื่อให้ทองคำหุ้มองค์ละลาย เก็บเอาทองคำที่หุ้มองค์พระพุทธรูปหนัก 286 ชั่ง (238.33 กิโลกรัม) ไปใช้ประโยชน์ที่เมืองพม่า อีกทั้งได้กวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลยและทาสยังเมืองพม่า พม่าเอาไฟเผาบ้านเรือนทำลายข้าวของต่างๆ อยู่ 15 วัน (ทวน บุญยนิยม , 2513 : 48-50)
ขณะนั้นพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา และพระมเหสี พระราชโอรสธิดากับพระราชวงศานุวงศ์ ก็หนีกระจัดกระจายกันไป มหาดเล็กพาพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา เสด็จลงเรือหนีไปซุ่มซ่อนอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ที่บ้านจิก ริมวัดสังฆาราม พม่าหารู้ไม่ ประมาณสิบเอ็ดสิบสองวันก็เสด็จสวรรคต พวกพม่าก็ตามจับได้พระมเหสี และพระโอรสธิดา พระราชวงศานุวงศ์ นำไปค่ายโพธิ์สามต้นเช่นกัน
( คำให้ชาวกรุงเก่า คำให้การขุนหลวงหาวัด และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ , 2515 : 437-438 ) ( ดูรายละเอียดในบทที่ 2) |