3. ชุมนุมเจ้าพระฝาง เจ้าพระฝางเป็นสังฆราช เมืองสวางคบุรี หรือ เมืองฝาง ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ มีชื่อเดิมว่า เรือน เป็นชาวเหนือ แต่ลงมาเล่าเรียนพระไตรปิฎก ณ กรุงศรีอยุธยา จนได้รับสมณศักดิ์เป็นมหา ภายหลังได้เป็นที่พระพากุลเถระ พระราชาคณะฝ่ายอรัญวาสี (ทวน บุณยนิยม, 2513 : 59) อยู่ ณ วัดศรีโยธยา และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้นเป็นที่พระสังฆราช ณ เมืองสวางคบุรี เป็นที่นับถือของประชาชนจำนวนมาก เจ้าพระฝางนี้เป็นพระที่มีความสามารถทางเวทมนต์คาถาไสยศาสตร์
4. ชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช ( หนู ) ซึ่งประกาศอิสรภาพและตั้งตนเป็นเจ้าแผ่นดินมีอาณาเขตแถวแดนมาลายู ขึ้นมาจนถึงชุมพร เป็นกลุ่มที่มีกำลังไพร่พลและกำลังทางเศรษฐกิจเข้มแข็งมั่นคง
เจ้านครศรีธรรมราช (หนู) ได้เคยเข้ามารับราชการอยู่ในกรุงศรีอยุธยาจนได้เป็นที่หลวงสิทธินายเวรมหาดเล็ก แล้วออกไปเป็นปลัดเมืองนครศรีธรรมราช
เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า แผ่นดินว่างกษัตริย์ พระปลัด (หนู) ขณะนั้นว่าราชการแทนในตำแหน่ง เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช (พระยาราชสุภาวดี เจ้าเมืองเดิมมีความผิดต้องออกจากตำแหน่ง (ทวน บุณยนิยม, 2513 : 59 ) ได้ตั้งตัวเป็นเจ้าครอง เมืองนครศรีธรรมราช คนทั่วไปเรียกว่า เจ้านคร หัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายตะวันตกต่างนับถืออยู่ในอำนาจเจ้านครทั้งสิ้น นับว่าเป็นชุมนุมใหญ่แห่งหนึ่ง
5. ชุมนุมกรมหมื่นเทพพิพิธ หรือชุมนุมเจ้าพิมาย ซึ่งมีกรมหมื่นเทพพิพิธ หรือพระองค์เจ้าแขกเป็นหัวหน้าซ่องสุมกำลังอยู่ที่ เมืองพิมาย มีอาณาเขตแถวนครราชสีมา เรื่อยไปทางตะวันออก จนถึงแดนกรุงศรีสัตนาคนหุตและกัมพูชา ลงมาทางใต้ถึงสระบุรีตลอดแควป่าสัก กรมหมื่นเทพพิพิธทรงเป็นโอรสในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ส่วนพระชนนีเป็นพระสนมเอก ทรงรับราชการในตำแหน่งใดไม่ปรากฏหลักฐาน สันนิษฐานว่าเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ที่รับราชการ ต่างพระเนตรพระกรรณ และดำรงตำแหน่งสำคัญในกรมวังด้วย
เมื่อเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิตถวายราชสมบัติแก่เจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์มนตรี (สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสอมรินทร์ หรือพระเจ้าเอกทัศน์) แล้วออกผนวช กรมหมื่นเทพพิพิธซึ่งทรงฝักใฝ่ฝากตัวกับเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต (เจ้าฟ้าอุทุมพร) มาก่อน จึงโดยเสด็จออกผนวชที่วัดกระโจม (วัดกระโจมนี้อยู่ใกล้วัดนางคำ ริมแม่น้ำตรงปากคลองทรายกับคูขื่อหน้าวังจันทรเกษมมาบรรจบกัน หลังวัดนี้ออกไปทางตะวันออกเป็นวัดประดู่ที่กรมขุนพรพินิตเสด็จประทับอยู่)
|