 |
ตอนที่เริ่มสงคราม เราได้ลำดับสงครามครั้งนี้เป็น 4 ขั้น ขั้นแรกให้ชื่อว่า กองโจรปล้นสะดมหัวเมืองต่างๆ ฟังดูแล้วจะเป็นการกล่าวหาแต่ฝ่ายเดียว แต่เมื่อล่วงเลยมาจนบัดนี้จะเห็นได้ว่า ชื่อที่ตั้งให้ว่ากองโจรปล้นสะดมหัวเมืองต่างๆ นั้น ฝ่ายพม่าก็เป็นฝ่ายที่ขา น รับออกมาตามชื่อที่เราตั้งไว้เหมือนกัน เป็นการยืนยันตรงกันทั้งสองฝ่าย มิได้เป็นการกล่าวหาแต่ฝ่ายเดียว ( จรรยา ประชิตโรมรัน , 2536 : 175 - 176 )
ด้านรอบๆ พระนคร เนเมียวสีหบดีสั่งให้กองทัพหน้าเข้ามาตั้งค่ายที่วัดภูเขาทอง แล้วเข้ามาตั้งค่ายที่วัดท่าการ้องอีกแห่งหนึ่ง แล้วให้ตั้งค่ายต่อลงมาที่วัดกระชาย วัดพลับพลาชัย วัดเต่า วัดสุเรนทร์ วัดแดง ข้างด้านตะวันตก ตั้งปืนใหญ่ยิงเข้าไปในพระนคร
การตั้งค่ายของไทย ต่อมาฝ่ายไทยได้มีคำสั่งให้ข้ามออกไปตั้งค่ายป้องกันพระนครไว้ทุกด้าน ดังนี้
ทิศเหนือ ตั้งค่ายที่วัดพระเมรุแห่งหนึ่ง ตั้งที่เพนียดแห่งหนึ่ง
ทิศใต้ ตั้งค่ายที่บ้านสวนพลูแห่งหนึ่ง ให้หลวงอภัยพิพัฒน์ ขุนนางจีนคุมชาวจีนบ้านนายค่าย ( บางฉบับเรียกนายก่าย ) 2,000 คน ให้พวกคริสตังตั้งค่ายที่วัดพุทไธสวรรย์แห่งหนึ่ง
ทิศตะวันออก ตั้งค่ายที่วัดเกาะแก้วแห่งหนึ่ง ตั้งที่วัดมณฑปแห่งหนึ่ง ตั้งที่วัดพิชัยแห่งหนึ่งในบังคับของพระยาวชิรปราการ ( สิน )
ทิศตะวันตก ให้กรมอาสาหกเหล่า ตั้งค่ายที่วัดไชยวัฒนารามแห่งหนึ่ง
กองทัพไทยที่รักษาพระนครนั้นเริ่มระส่ำระสายด้วยรู้กันว่าหมดช่องทางที่จะเอาชนะพม่าได้ พวกจีน ในกองทัพที่ไปตั้ง ค่ายอยู่ ที่บ้าน สวนพลู คิดจะเอาตัวรอดก่อน คบคิดกันประมาณ 300 คน พากันไปยังพระพุทธบาทไปลอกทองคำที่หุ้มพระมณฑปน้อย และแผ่นเงินที่ดาดพื้นพระมณฑปใหญ่มาแบ่งปันกันเป็น อาณาประโยชน์ แล้วเอาไฟเผาพระมณฑปพระพุทธบาทหวังจะให้ความสูญ ( พลโท รวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์ . สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยอดนาวิกโยธินไทย ใน ผ่านศึกฉบับพิเศษ : วันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2537 : 17) ต่อมาค่ายจีนที่บ้านสวนพลูก็เสียแก่พม่า
ต่อมาไม่ช้าพม่ายกเข้าตีค่ายที่เพนียดได้ เนเมียวสีหบดีแม่ทัพพม่าก็เข้ามาตั้งอยู่ที่เพนียดแล้ว ให้กองทัพพม่าเข้าตีค่าย ฝ่ายไทยที่ออกไปตั้งค่ายป้องกันพระนครข้างด้านเหนือ ถูกตีแตกกลับเข้ามาในกรุงหมดทุกค่าย |
|
|