 |
ผู้น้อยเห็นผู้ใหญ่ทำ ก็ทำเช่นนั้นบ้าง ดังนั้นจึงมีการกดขี่รีดไถ มีการข่มเหงไม่เป็นธรรมอยู่ทั่วไปทุกมุมเมือง ใครมีเงินก็ใช้เงินช่วยบรรเทาความผิด ให้เป็นความไม่ผิดไปได้ ราษฎรระส่ำระสายหมดที่พึ่งพิง ซึ่งเป็นมิ่งขวัญความสามัคคีพร้อมเพรียงกันก็หย่อนลงไป เพราะขาดความยุติธรรม ข้าราชการพลเมืองขาดกำลังใจ ครั้นพม่าตีกรุงศรีอยุธยาได้ เมื่อ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ได้มหาดเล็กพาลงเรือลอบเสด็จหนีออกจากเมืองไป แต่พวกพม่าไปพบที่บ้านจิก ข้างวัดสังฆาวาส เวลานั้นอดพระกระยาหารมากว่า 10 วัน พอเสด็จถึงค่ายโพธิ์สามต้นจึงสวรรคต ( สาระน่ารู้กรุงธนบุรี, 2543 : 162) แต่ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาได้กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ว่า หลังจากที่ทหารไปพบพระบรมศพในพุ่มไม้ใกล้บ้านจิก สิ้นพระชนม์อยู่ เพราะอดอาหารจึงคิดจะอัญเชิญพระบรมศพกลับมาถวายพระเพลิงในพระนครหลังจากสิ้นสงครามแล้ว (ปรามินทร์ เครือทอง, 2545 : 36) ชูสิริ จามรมาน (2527 : 64 ) และขจร สุขพานิช (2545 : 269) เขียนว่า ... หลักฐานพม่าว่า กษัตริย์ไทย พระมเหสี และพระราชโอรส ธิดา พยายามพรางพระองค์ทรงพยายามหนีออกทางประตูเมืองด้านตะวันตก (บางเล่มว่าหนีออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูทิศตะวันตก) กษัตริย์เลยถูกลูก (ปืน) หลง ( random shot ) จนสิ้นพระชนม์ ...
พงศาวดารพม่าระบุว่า ทัพพม่าตีเข้าพระนครได้ในเวลาตี 4 กว่าของวันพฤหัสบดี ขึ้น 11 ค่ำ เดือนเมษายน พ.ศ.2310 ตรงกับปี 1129 ของศักราชพม่า เมื่อเข้าพระนครได้พม่าก็เผาผลาญบ้านเรือน และอารามลงสิ้น ทั้งยังริบทรัพย์จับเชลยชายหญิงข้าวของมีค่าเป็นคณานับ
ข้างพระเจ้าเอกทัศน์ ครั้นเห็นพระนครแตก ก็ปลอมพระองค์พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งสิ้น หนีออกทางประตูด้านตะวันตก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ทหารพม่านำกำลังบุกเข้ามา จึงเกิดสับสนอลหม่าน พระเจ้าเอกทัศน์นั้นต้องปืนสวรรคตอยู่ ณ ที่นั้น ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีผู้ใดรู้ถึงการสวรรคต จนรุ่งขึ้นของอีกวันหนึ่ง ทหารพม่าจึงคุมพระองค์สอสาน พระอนุชาพระองค์หนึ่งของพระเจ้าเอกทัศน์ ซึ่งในช่วงสงครามต้องพระอาญาจำตรวนให้เป็นตะพุ่นหญ้าช้างออกค้นหาเพราะเป็นบุคคลที่จำพระพักตร์ได้ จนท้ายที่สุดมาพบพระบรมศพอยู่ที่ประตูตะวันตก จึงนำกลับเข้ามาเพื่อถวายพระเพลิง (สุเนตร ชุตินธรานนท์, 2541 : 68)
M. Turpin (แปลโดย ส. ศิวรักษ์, 2510 : 57) กล่าวว่า พระเจ้าแผ่นดินพยายามเสด็จหนี แต่มีคนจำพระองค์ได้ จึงถูกปลงพระชนม์ที่หน้าประตูวังนั้นเอง |
|
|