อย่าให้เบียดเบียนกัน ให้ตั้งอยู่ในธรรมปฏิบัติ เพื่อจะเป็นปัจจัยแก่โพธิญาณสิ่งเดียว ถ้าแลผู้ใดอาจสามารถจะอยู่ในราชสมบัติ ให้สมณพราหมณ์ประชาราษฎรเป็นสุขได้ จะยกสมบัติทั้งนี้ให้แก่บุคคลผู้นั้น แล้ว ฯข้าฯ จะไปสร้างสมณธรรมแต่ผู้เดียว ถ้ามิฉะนั้นจะปรารถนาศีรษะแลหทัยวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็จะให้แก่ผู้นั้น ถ้าแลมิสัจฉะนี้ ฯข้าฯ มุสาวาทขอให้ตกไปยังอบายภูมิเถิด เมื่อแลคนทั้งปวงกระทำโทษผิดถึงฉะนี้ ครั้นจะมิเอาโทษ ก็จะเสียขนบธรรมเนียมบ้านเมืองไป ครั้นมิให้บัดนี้เล่าเจ้าพระยาและพระยา พระหลวงมาขอเป็นอันมาก เป็นมิรู้ที่จะคิด ” ในที่สุดก็พระราชทานอภัยโทษไว้ชีวิตแก่จมื่นไวยวรนาถ พร้อมกับบุคคลอื่นที่ต้องถูกประหารชีวิตพร้อมกัน 5 คน ตามคำกราบบังคมทูลของขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย 22 คน ให้ไปทำราชการแก้ตัวในการตีเมืองป่าสักต่อไป (เสทื้อน ศุภโสภณ, 2527 : 97)

ทรงเรียกพระองค์เองว่า “พ่อ” สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพอพระทัยที่ใช้สรรพนามเรียกพระองค์เองว่า “พ่อ” กับบรรดาบุคคลโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง แม่ทัพ นายกอง ตลอดจนอาณาประชาราษฎรทั่วๆ ไป แม้กับขุนนางผู้ใหญ่ เช่น เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ (สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ในรัชกาลที่ 1) ก็ยังทรงตรัสเรียกพระองค์เองว่า “พ่อ” เช่นกัน (มีหลักฐานอยู่ในเรื่องอภินิหารบรรพบุรุษ) และครั้งสำคัญก็คือตอนอวสานของพระองค์ เมื่อพระยาสรรค์เป็นกบฏ คุมทัพจากรุงเก่าลงมาล้อมกรุงธนบุรี มีผู้ยอมพลีเพื่อพระองค์ ลากปืนจ่ารงขึ้นตั้งบนป้อม จะยิงใส่พวกกบฏ ก็ทรงตรัสห้ามไว้ “สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย... ปรากฏเรื่องราวอยู่ในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี ตอนหนึ่งดังนี้

“ ...เสด็จออกหน้าวินิจฉัย ทราบว่าพระยาสรรค์มาปล้นตีเมือง ให้จำภริยากับบุตรไว้ เสด็จเข้ามาฟันตะรางปล่อยคนโทษข้างใน พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย์ต่อสู้ลากปืนจ่ารงขึ้นป้อม ข้าศึกถอยหนี เสด็จกลับออกไป มีรับสั่งห้ามว่า สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย... ”

ในราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา ฉบับพ.ต.หลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนะรัชต์) แปลก็มีกล่าวถึงเรื่องราวในทำนองเดียวกัน (แต่มีพลความแตกต่างกันไปบ้าง) ดังนี้

“ ...กองทัพพระยาสรรค์แลขุนแก้วยกเข้ามาถึงกรุง พากันโห่ร้องเข้ามาแล้วยิงปืนที่ป้อมมุมเมืองข้างทิศอิสาณ คนนอนเวรเฝ้าป้อมได้ยิงโต้ตอบจนถึงเวลาสว่าง คนเวรต้านทานไม่ได้ ก็แตกหนีทิ้งป้อมไป พระยาสรรค์จึงเข้าไปกราบทูลพระเจ้าตากว่า บัดนี้บรรดาข้าราชการแลอาณาประชาราษฎร ก็เห็นพร้อมกันแล้ว ที่จะเชิญเสด็จออกจากราชสมบัติ พระเจ้าตากรับสั่งตอบว่า กูวิตกแต่ศัตรูมาแต่ประเทศเมืองไกล แต่เดี๋ยวนี้ไซร้ ลูกหลานของกูเองว่ากูคิดผิดเป็นบ้าเป็นบอแล้วดังนี้ จะให้พ่อบวชก็ดี ฤาจะใส่ตารางพ่อก็ดี พ่อจะยอมรับทำตามใจลูกบังคับทั้งสิ้น พระยาสรรค์ก็ยอมให้บวชที่วิหารวัดแจ้ง ซึ่งอยู่ในพระราชวังแต่ภายหลังให้สึกออก แล้วใส่ตรวนจำไว้ให้ทหารคุมอยู่หนาแน่น... ”