 |
ต่อมาได้มีผู้ละเมิดไปวิวาทรังแกคนจีนในเมืองนั้น ต้องถูกลงพระราชอาญาถึงประหารชีวิต จดหมายรายวันทัพจดไว้ ดังนี้ อนึ่งทนายเลือก 2 คนเสพสุราแล้วไปวิวาทกับจีน เอาดาบฟันเอาจีนเจ็บป่วย จึงถามได้เนื้อความถ่องแท้แล้ว ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยน 2 หวายแล้วให้ตัดศีรษะเสีย
พระราชอุปนิสัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อีกประการหนึ่งที่ปรากฏอยู่เสมอก็คือ ความเอื้ออาทรต่อญาติมิตร ตลอดจนทหารและข้าราชการโดยทั่วๆ ไป แม้จนกระทั่ง ต่ออาณาประชาราษฎร์ สำหรับญาติมิตรตลอดจนนายทหารและข้าราชการที่ใกล้ชิดเมื่อได้ประกอบความดีความชอบ พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์เป็นที่เชิดหน้าชูตา ได้พระราชทานบำเหน็จรางวัลอย่างไม่เสียดาย แม้จนกระทั่งทรงยกเจ้าจอมอย่างน้อยก็ 2 คน พระราชทานแด่เจ้าพระยานครศรีธรรมราชและเจ้าพระยานครราชสีมา
ในพงศาวดารมอญเรื่องราชาธิราช ตอนหนึ่งกล่าวว่าครั้งหนึ่งพระเจ้าราชาธิราชได้พระราชทานนางอุตะละ พระสนมคนโปรดให้แก่สมิงนครอินทร์ทหารเอก ตามที่เจ้าตัวแสดงความปรารถนา แต่แล้วสมิงนครอินทร์ก็ได้ถวายกลับคืนไป ด้วยเป็นการลองพระทัยมากกว่า จึงนับว่ามิได้พระราชทานจริง แต่สำหรับเรื่องราวในพงศาวดารไทยสมัยกรุงธนบุรีแล้ว ปรากฏว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้พระราชทานพระสนม แก่นายทหารคนสำคัญไปถึง 2 คน โดยที่มิได้มีการถวายกลับคืนมาเหมือนดังปรากฏอยู่ในพงศาวดารมอญเรื่องราชาธิราชเลย
รายที่ 1 พระราชทาน เจ้าหญิงปราง (หนูเล็ก) ให้แก่เจ้าพัฒน์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นพระมหาอุปราชเมืองนครศรีธรรมราช (เมืองนครศรีธรรมราชในสมัยกรุงธนบุรีตอนนั้น มีกษัตริย์ปกครองทรงพระนามว่า พระเจ้าขัตติยราชนิคม หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า พระเจ้านครศรีธรรมราช หรือที่รู้จักกันดีในนามว่า เจ้านคร ผู้ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า ภายหลังกรุงแตกในปี 2310 นั่นเอง)
เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งนั้น (ปีพ.ศ.2317) เจ้าพัฒน์ไปราชการที่สงครามแล้ว เจ้าหญิงนวล ชายา ซึ่งเป็นธิดาของพระเจ้านครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ข้างหลังได้สิ้นชีวิตลง เจ้าพัฒน์มีความเศร้าโศกมาก ครั้นเสร็จราชการสงคราม เจ้าพัฒน์ผู้มีความชอบก็ได้มาเข้าเฝ้า
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงมีพระราชดำรัสปลอบว่า อย่าเสียใจเลย จะให้น้องสาวไปแทนตัวจะได้เลี้ยงลูก (การที่มีรับสั่งว่า จะให้น้องสาวไปแทนตัว จะได้เลี้ยงลูก นั้น ก็เนื่องด้วยเจ้าจอมปรางมิใช่ใครอื่น เป็นธิดาของพระเจ้านครศรีธรรมราชเช่นกัน และเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้าหญิงนวล ชายาของเจ้าพัฒน์ที่วายชนม์ไปแล้วนั่นเอง) ตรัสเสร็จก็เสด็จขึ้น |
|
|