 |
ครั้งนั้นโปมะยุง่วน (เจ้าเมืองเชียงใหม่ในขณะนั้น) เห็นไทยถอยทัพ ได้ทีก็ให้กองทัพออกติดตามตี พวกพม่าก้าวสกัดยิงกองทัพหลังระส่ำระสาย ตื่นแตกมาจนถึงกองทัพหลวงพระเจ้ากรุงธนบุรีเห็นกองทัพหลังเสียทีข้าศึกก็เสด็จลงไปคุมกองหลัง ทรงพระแสงดาบเข้าสู้รบข้าศึกเอง เข้ารุกรบข้าศึกถึงตะลุมบอน ข้าศึกต้านไม่ไหวก็ถอยหนีกลับไป แต่นั้นกองทัพกรุงธนฯ ก็กลับมาได้โดยสะดวก... (ประชุมพงศาวดารภาคที่ 6 เรื่องไทยรบพม่า)
นายทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา (2544 : 12-13) ได้สดุดีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชว่า ทรงมี ความเด็ดขาดและกล้าได้กล้าเสีย ดังเช่นกรณีให้ทหารทุบหม้อข้าวให้แตกสิ้นก่อนตีเมืองจันทบุรี โดยทรงกำหนดว่าถ้าตีเมืองไม่ได้ให้อดข้าวตายกันทั้งกองทัพ การตัดสินพระทัยเช่นนี้จึงทำให้ทหารเกิดความรู้สึกสู้ตาย และในการรบชิงเมืองเชียงใหม่ครั้งที่สอง ณ วันจันทร์ เดือน 3 แรม 4 ค่ำ ทรงทราบว่ามีกองทัพข้าศึกยกมาทางด่านเจดีย์สามองค์ และเลยเข้ามาถึงบางแก้วเขตเมืองราชบุรี จึงเสด็จลงประทับอยู่ที่ตำหนักแพหน้าพระราชวังกรุงธนบุรี ให้ตำรวจลงเรือไปคอยส่งกองทัพกรุงธนบุรีที่ยกกลับมาจากเมืองเชียงใหม่ ให้เลยออกไปเมืองราชบุรีทีเดียว อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดแวะบ้านเมืองเป็นอันขาด เรือกองทัพที่มาถึงได้ทราบกระแสรับสั่งก็แล่นเลยมาหน้าตำหนักแพ ถวายบังคมลาแล้วเลี้ยวเข้าคลองบางกอกใหญ่ไปทุกลำ แต่มีพระเทพโยธาแวะเข้าที่บ้าน ทรงทราบก็ทรงพระพิโรธตรัสให้เอาตัวพระเทพโยธามามัดเข้ากับเสาตำหนักแพ แล้วทรงพระแสงดาบตัดศีรษะพระเทพโยธาด้วยพระหัตถ์ แล้วให้เอาศีรษะไปเสียบประจานไว้ที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์
...ถ้าในระหว่างที่กำลังรบกันอยู่ สมเด็จพระเจ้าตากทรงเห็นนายทัพนายกองคนใดถอยหลังก็จะเสด็จเข้าหานายทัพนายกองคนนั้นรับสั่งว่า เองกลัวดาบข้าศึก แต่เองไม่กลัวคมดาบของข้าดอกหรือ แล้วก็ทรงเงื้อพระแสงดาบฟันศีรษะฆ่านายทัพนายกองคนนั้นทันที... (ประชุมพงศาวดารภาคที่ 39 จดหมายเหตุของคณะบาทหลวงฝรั่งเศส)
พระบรมเดชานุภาพของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงเป็นที่ครั่นคร้ามเกรงขามของนานาประเทศแถบนี้ในครั้งนั้นโดยทั่วไป ดังที่จดหมายเหตุของพวกคณะบาทหลวงฝรั่งเศสฯ มีกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ในระหว่างที่พระยาตากเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหม่ของกรุงสยาม ได้ทรงทำให้บ้านเมืองใกล้เคียงสะทกสะท้าน กลัวเดชานุภาพไปหมด...
ทรงลงโทษเด็ดขาดแก่ผู้รังแกราษฎรในเมืองขึ้นที่ตีได้ เมื่อคราวที่กองทัพไทยไปตีเมืองพุทไธมาศ (ซึ่งอยู่ริมทะเล ระหว่างชายแดนเขมร-ญวน) ได้ในปี พ.ศ.2314 นั้น ได้โปรดให้ออกหมายประกาศให้บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งไทย และจีนทั้งปวงห้ามข่มเหงรังแกราษฎรในเมืองนั้น ดังมีรายละเอียดปรากฏอยู่ในจดหมายรายวันทัพครั้งนั้น ดังนี้
ให้มีกฎหมายประกาศแก่นายทัพนายกองไทยจีนทั้งปวง ซึ่งจีนแลญวนไพร่พลเมืองจะเดิน ไปมาค้าขายตามถนนหนทาง อย่าให้จับกุมโบยตีฆ่าฟันเป็นอันขาด ให้ตั้งเกลี้ยกล่อม ทำมาหากินตามภูมิลำเนาแต่ก่อน ถ้าผู้ใดมิฟังบังอาจละเมิดพระราชกำหนด จะลงพระราชอาญาผู้นั้นถึงแก่ชีวิต... |
|
|