เมื่อทรงตระหนักว่าไม่ทรงอยู่ในภาวะที่จะตอบแทนพระคุณของพระมารดายามประชวรหนัก เพราะต้องทรงรบทัพจับศึกอยู่ โดยเฉพาะเมื่อพระมารดาทิวงคต พระองค์ก็เสียพระทัยอย่างมาก ด้วยทรงเห็นว่าชาติสำคัญกว่าพระราชกิจส่วนพระองค์ มีเรื่องราวเป็นหลักฐานอยู่เป็นอันมากที่กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเคารพรักและกตัญญู พระบรมราชชนนีเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อมีศึกสงครามาประชิดติดบ้านเมืองก็ทรงทอดทิ้งพระบรมราชชนนีในขณะที่กำลังทรงประชวรหนัก เสด็จออกไปบัญชาการรบเพื่อชาติบ้านเมืองได้

เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2317 หลังจากเสร็จศึกตีเชียงใหม่กลับมาเป็นของไทยตามเดิมได้ ก็มีกองทัพพม่าบุกเข้ามาตั้งค่ายอยู่ที่บางแก้ว เมืองราชบุรี ต้องเสด็จกลับกรุงธนบุรีอย่างรีบด่วน เพื่อเตรียมรับศึกใหม่ที่บางแก้ว ราชบุรีต่อไป ในตอนนี้เอง สมเด็จกรมพระเทพามาตย์ พระราชชนนี ก็เกิดทรงพระประชวรหนักขึ้นมา แต่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงหักพระทัย เสด็จยกกองทัพออกจากรุงธนบุรีไปยังราชบุรีได้ ทั้งๆ ที่ทรงพระปริวิตกห่วงใยในพระบรมราชชนนีเป็นอย่างยิ่ง

พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) กล่าวถึงเรื่องราวตอนนี้ไว้ตอนหนึ่ง ดังนี้ “ อนึ่ง เพลาย่ำค่ำแล้ว 5 บาท ขุนวิเศษโอสถหมอ ถือพระอาการทรงพระประชวรสมเด็จพระพันปีหลวงมาถวาย ณ พระตำหนักค่ายวัดเขาพระ ครั้นทอดพระเนตรอาการแล้วเร่งให้ขุนวิเศษโอสถกลับไป แล้วตรัสว่า พระโรคเห็นหนัก จะมิได้ไปทันเห็นพระองค์ ด้วยการแผ่นดินครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ครั้นจะไปบัดนี้ ไม่เห็นผู้ใดที่ไว้ใจอยู่ต้านต่อข้าศึกได้ ” ในที่สุดสมเด็จบรมราชชนนีก็ได้เสด็จสวรรคต ในระหว่างที่ทรงบัญชาการศึกอยู่ที่ราชบุรีนั้นเอง เรื่องนี้ย่อมยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีนั้นทรงถือเอาราชการของชาติบ้านเมือง เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าพระราชกิจส่วนพระองค์

17.2 สรุปเหตุการณ์สำคัญสมัยกรุงธนบุรี (พ.ศ.2310 – 2325)

. ศ . 2310
- การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่า
- พระยาวชิรปราการ (สิน) หรือเจ้าตาก ทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้ภายในเวลา 7 เดือน และทรง ประกาศอิสรภาพหลังจากที่รบชนะพม่าที่ค่ายโพธิ์สามต้น
- การสถาปนากรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร เป็นเมืองหลวง
- การรบกับพม่าที่ยกมาตีไทยที่บางกุ้ง (เมืองสมุทรสงคราม)