 |
พระยาสรรค์จึงคิดหาลู่ทางที่จะกำจัดสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสีย ก็เห็นแต่กรมขุนอนุรักษ์สงคราม (เจ้ารามลักษณ์ เป็นพระเจ้าหลานเธอในสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) เจ้านายผู้ใหญ่ซึ่งตนได้สั่งให้เอาไปจำไว้เมื่อยึดอำนาจได้ ถ้าได้ตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามเป็นหัวหน้าไว้ คอยจัดการต่อสู้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพกลับเข้ามา ก็จะเป็นกำลังสำคัญทำการกำจัดได้ พระยาสรรค์จึงลอบไปคิดอ่านกับกรมขุนอนุรักษ์สงครามให้รับทำการในครั้งนี้ ส่วนเงินทองที่จะใช้ในการหากำลังปราบปรามจะเอาพระราชทรัพย์ในพระคลังหลวงออกจ่ายให้จนพอเพียง กรมขุนอนุรักษ์สงครามก็รับเป็นหัวหน้าจัดทำตามความประสงค์ของพระยาสรรค์
แล้วพระยาสรรค์ก็ปล่อยตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามพร้อมด้วยมอบทรัพย์ของหลวงออกไปเที่ยวหาสมัครพรรคพวก เกลี้ยกล่อมได้พระยามหาเสนา พระยารามัญวงศ์ หรือจักรีมอญ (เดิมชื่อหลวงบำเรอภักดิ์ เป็นพี่ชายท้าวทรงกันดาร (ทองมอญ ) และ พระยากลางเมือง นายกองมอญ เป็นต้น ส่วนพระยาสรรค์ทำเป็นว่าไม่รู้ไม่เห็นในเหตุการณ์นี้เลย พวกที่อยากได้เงินครั้นถูกเกลี้ยกล่อม ก็พากันมาเข้าเป็นสมัครพรรคพวกเป็นอันมาก แต่การตั้งตัวเป็นหัวหน้าของ กรมขุนอนุรักษ์สงครามนั้นเห็นจะไม่ซื่อตรงต่อพระยาสรรค์นัก เพราะเมื่อได้สมัครพรรคพวกเป็นของตัวมากเข้า ก็คิดจะชิงเอากรุงธนบุรีเป็นที่มั่นเสียก่อน และเมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ยกกองทัพกลับเข้ามา ก็จะได้ทำการต่อสู้ได้ดีกว่าไม่มีที่มั่นแข็งแรงไว้ทำการ
ในขณะที่ในกรุงธนบุรีเกิดจลาจลพระยาสรรค์เข้ายึดอำนาจสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีนั้น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ยังทำการปราบกบฏเขมรอยู่ ฟ้าทะละหะ (มู) หนีไปเมืองญวน ขอให้ญวนช่วย และเจ้าพระยาสุรสีห์ยกกองทัพติดตามฟ้าทะละหะ เจ้าพระยาสุรสีห์ทราบว่ามีกองทัพญวนขึ้นมาตั้งอยู่ ที่เมืองพนมเปญ จึงตั้งทัพรอฟังคำสั่งจากท่านแม่ทัพใหญ่ว่าจะให้รบกับญวนหรือไม่
พระยาสรรค์คุมอำนาจในกรุงธนบุรี ได้ 2 สัปดาห์ พระยาสุริยอภัย (ทองอิน) ผู้ครองเมืองนครราชสีมา (เป็นหลานของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ต่อมาได้เป็นกรมพระราชวังหลังในสมัยรัชกาลที่ 1) ได้ทราบข่าวว่าในกรุงธนบุรีเกิดจลาจลขึ้น จึงออกไปเมืองเสียมราฐ แจ้งข่าวราชการแผ่นดินให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ทราบ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ จึงให้พระยาสุริยอภัยยกกองทัพลงไปกรุงธนบุรีก่อน แล้วจะยกกองทัพใหญ่ตามลงไปทีหลัง พระยาสุริยอภัยก็กลับมายังเมืองนครราชสีมา ให้พระยาอภัยสุริยาปลัดผู้น้อง อยู่รักษาเมือง แล้วก็จัดกองทัพได้พล 3,000 เศษ ( ภารดี มหาขันธ์ , 2526 : 34 กล่าวว่า ยกกำลังมาประมาณ 1,000 คน ) เร่งรีบยกลงมายังกรุงธนบุรี |
|
|