แผ่นดินเขียนหลงปีที่ 46 ซินทิ้วเจี่ยง้วย ( ตรง กับเดือนสาม ปีฉลู จุลศักราช 1143 ปี พ.ศ.2324) เสี้ยมหลอก๊กเจี๋ยงแต้เจียว ( พระเจ้ากรุงสยาม เรียกว่าเจี๋ยงนั้นกรุงจีนยังไม่ได้ยกย่อง แต้เจียวพระนามเจ้ากรุงธนบุรีที่ออกไปในภาษาจีน ) ให้หลง ปีไช่ซานี ( หลวงพิชัยธานี หรือเพชรปาณี ) กับเฮอ้กบู้ตุด ( อุปทูต ) สองนายเป็นราชทูตนำเครื่องราชบรรณาการมาถวาย ทูลว่าตั้งแต่ถูกพวกเมี้ยนฮุ้ย ( โจรพม่า ) มาย่ำยีแล้ว จึงได้แก้แค้นทดแทน ตีได้อาณาเขตมาก็จริง แต่เชื้อวงศ์ของเจ้านายนั้นสูญสิ้น พวกขุนนางพร้อมใจกันยกแต้เจียวขึ้นเป็นใหญ่ จึงจัดสิ่งของในพื้นประเทศส่งมาถวายเป็นเครื่องบรรณาการตามธรรมเนียม
ขุนนางผู้ใหญ่รับรับสั่งพระเจ้าเกาจงสุนฮ่องเต้ว่า เราแจ้งว่าเสี้ยมหลอก๊กเจี๋ยงให้ราชทูตลงเรือข้ามทะเลมาแต่ทางไกล เห็นได้ว่ามีความเคารพนับถือ แล้วขุนนางผู้ใหญ่ก็เขียนหนังสือตอบราชสาส์นตามข้อความราชสาส์นเดิม
พระเจ้าเกาจงสุนฮ่องเต้ทรงเห็นว่าทางมาแต่เสี้ยมหลอก๊กต้องข้ามภูเขาที่สูงและข้ามทะเลที่กว้าง ประทานโต๊ะเลี้ยงราชทูตสองวัน
ระยะทางเสี้ยมหลอก๊กมาส่งเครื่องราชบรรณาการ ทางผ่านเมืองกว้างตงมาเกียซือ ( กรุงปักกิ่ง ) กรุงเสี้ยมหลอก๊กอยู่ทิศตะวันตกเฉียงหัวนอนมณฑลก้วงตง เดินเรือไปทางทะเลสี่สิบห้าวัน สี่สิบห้าคืนจึงถึง ลงเรือที่แม่น้ำ อำเภอเฮียงซัวกุ้ย แขวงมณฑลก้วงตง ตั้งเข็มตรงอักษรโง๊ว ( ทิศหัวนอนหรือทิศใต้ ) ใช้ใบตามลมทิศปลายตีนหรือทิศเหนือ ออกทะเลชิดจิวเอี๋ย ( ทะเลจีน ) สิบวันสิบคืนจึงถึงทะเลอานหนำ ( ทะเลญวน ) ในระหว่างนั้นมีภูเขาชื่องั่วหลอภูเขาหนึ่ง ไปอีกแปดวันแปดคืนถึงทะเลเมืองเจียมเสีย ไปอีกสิบสองวันสิบสองคืนถึงภูเขาใหญ่ชื่อคุณหลุนภูเขาหนึ่ง ต้องกลับใบไปตามลมทิศตะวันออกเฉียงปลายตีนหรือเฉียงเหนือ เหศีรษะเรือไปฝ่ายทิศตะวันตก ตั้งเข็มอักษรบี้กิม อักษรซินสามส่วน ( ทิศตะวันตกเฉียงหัวนอนหรือเฉียงใต้ ) ไปอีกห้าวันห้าคืนถึงทะเลแม่น้ำจีนชี่วกั๊งไหลตก ไปอีกห้าวันห้าคืนถึงปากแม่น้ำเสี้ยมหลอกั๊ง ระยะทางสองร้อยลี้ถึงน้ำจืด ไปอีกห้าวันถึงเสี้ยมหลอเสีย ( เมือง ) เสี้ยมหลอกั๊งมีภูเขาใหญ่อยู่ฝ่ายทิศตะวันตกเฉียงหัวนอน หรือเฉียงใต้ น้ำในเสี้ยมหลอกั๊งออกจากภูเขาฝ่ายทิศหัวนอนหรือทิศใต้ ไหลมาลงทะเล ... ( เสทื้อน ศุภโสภณ , 2523 : 56-57) เมืองเสี้ยมหลอเสีย เป็นเมืองท่าค้าขายแข่งกับพวกฮอลันดา โดยทำเป็นที่จอดพักเรือรบและเรือค้าขาย
แต่ถ้าจะย้อนไปดูทางฝ่ายจีน ( เอกสารแปลเป็นไทยแล้ว ) ซึ่งบันทึกไว้เกี่ยวกับเรื่องทูตจะทราบทันทีว่า ทูตสำรับที่ 2 นั้นหาใช่ทูตไม่ จะเป็นได้ก็แต่เพียงผู้ร่วมไปในคณะทูตเท่านั้น นอกจากต้นร่างพระราชสาส์นคำหับไปเมืองจีนครั้งกรุงธนบุรี จุลศักราช 1143 (พ.ศ.2324) แล้ว ทางฝ่ายจีนได้จดไว้ว่า |