ใน พ.ศ.2308 ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับพม่าเริ่มร้าวฉานมากด้วยเรื่องปัญหาทางชายแดน ต่อมาใน พ.ศ.2310 ปีที่ 32 รัชกาลพระเจ้าเฉียนหลง จากการที่เกิดความยุ่งยากขึ้นที่ชายแดนนี้ผู้ว่าการมณฑลยูนานของจีนชื่อ “ หยังอิ้งจู้ ” ได้มีหนังสือขึ้นกราบทูลพระเจ้ากรุงจีนเพื่อขอให้พระองค์ทรงส่งกำลังทหารห้าหมื่นคนไปรบกับพม่าเป็นห้าทาง ทั้งยังได้ถวายคำแนะนำให้ชักชวนไทยช่วยต่อต้านพม่าด้วย แต่อย่างไรก็ดีกษัตริย์เกาจง หรือเฉียนหลงทรงเห็นว่า ข้อคิดของหยังอิ้งจู้นี้เป็นสิ่งที่น่าขัน เพราะการที่จะใช้กำลังทหารเป็นจำนวนมากมาย กับการที่จะให้ชาติอื่นมาช่วยรบศัตรูของตนนั้นเป็นการไม่ฉลาดนัก และเป็นการกระทำที่ไม่ดีนัก พระองค์จึงไม่ทรงยอมตาม เพราะทรงเห็นว่าในสมัยราชวงศ์หมิงก็มีตัวอย่างมาแล้ว ในการที่ขอให้ชาติอื่นมาช่วย เนื่องจากระยะนั้นราชวงศ์หมิง ( เหม็ง ) มีอำนาจไม่เข้มแข็งพอผิดกับสมัยราชวงศ์ชิงของพระองค์ จีนมีทหารเต็มไปหมดทั้งในประเทศและนอกประเทศ ทั้งประเทศต่างๆ ก็ได้ส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้ช่วยรบต่อต้านพม่า ตอนนั้นกษัตริย์เกาจงไม่ทรงทราบว่าไทยถูกพม่าโจมตีและพม่ายึดเมืองหลวงได้

อย่างไรก็ดีราชวงศ์ชิงได้ตัดสินใจเริ่มทำสงครามกับพม่าในฤดูหนาวปีนั้นเอง แต่ไม่ต้องการกำลังทหารจากประเทศอื่น แต่เนื่องจากไทยมีชายแดนติดกับพม่าและเพื่อป้องกันมิให้กษัตริย์พม่าหลบหนีจีนเข้ามาทางไทย จึงขอร้องให้ไทยช่วยปิดเส้นทางให้ ในสมัยนั้นมณฑลกว่างตุ้งและอำหมัน ( หม่าเก๊า ) เป็นท่าเรือนานาชาติมีเรือค้าขายมาเทียบมาก ในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2310 อันเป็นปีที่ 32 รัชกาลพระเจ้าเฉียนหลง นั้นเองพระองค์โปรดให้ผู้ว่าการมณฑลกว่างตุ้ง - กว่างชี ชื่อว่า “ ซื่อหยา ” ให้ส่งหนังสือแจ้งมาให้ไทยช่วยคอยระวังกษัตริย์พม่าซึ่งอาจจะหนีเข้ามาทางไทยเมื่อจีนเข้าตีพม่า วันต่อมาขุนนางก็ได้จัดส่งหนังสือประทับตราเรื่องนี้ไปยังผู้ว่าการมณฑลกว่างตุ้ง - กว่างชี และเดือนกันยายนปีเดียวกัน มีเรือสินค้าของอันหนาน ( ญวน ) ล่องมาจากเมืองกว่างโจ้วลำหนึ่ง ซื่อหยาจึงได้ฝากส่งหนังสือให้ฉู่ฉวนนำไปกับเรือลำนั้น เพื่อนำพระราชสาส์นส่งต่อเข้ามาถวายไทยและกะว่าเมื่อถึงอันหนานฉู่ฉวนจะได้ส่งมอบให้ขุนนางของ “ โม่ซื่อหลิน ” เจ้าเมืองเหอเฉี้ยนให้ช่วยนำพระราชสาส์นส่งต่อให้ “ ผู่หลันเป้ ” ขุนนางไทยต่อไป

วันที่ 9 กันยายน ฉู่ฉวนได้ให้ขุนนางชื่อ “ หวังกวั้วเจิ้น ” ไปอันหนานกับตนด้วยกับอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของเรือชื่อ “ หยังจิ้นจง ” ทั้งหมดได้ขึ้นเรือ “ ม่อกว่างอี้ ” ออกเดินทางจากฝู่หมึน ( ประตูเสือ – Tiger Gate) และในวันที่ 10 ตุลาคมก็ถึงอ่าวอันหนาน แต่เนื่องจากอากาศไม่ดี ลมแรงมาก เรือไม่สามารถเข้าฝั่งได้ต้องหยุดอยู่ วันที่ 12 ตุลาคม ลมยิ่งแรงมากจนเสากระโดงเรือเสาหนึ่งหักลง วันรุ่งขึ้นลมยิ่งแรงมากขึ้นอีกจนต้องแล่นเรือออกจากอ่าวไป จนวันที่ 3 พฤศจิกายน เรือได้ไปหยุดที่ “ ลู่เควิน ” ( น่าจะเป็นเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมักเรียกสั้นๆ ว่า เมืองละคร )