ต่อมาในปีที่ 17 รัชกาลพระเจ้าหย่งเจิ้น (Yung cheng) พ.ศ.2272 ทรง ส่งตราจีน ซึ่งจารึกว่า เทียนหนานเล่อกวั๋ว มาให้อีก ตรานี้มีความหมายว่า สวรรค์แห่งดินแดนประเทศทางใต้
ในปีที่ 14 รัชกาลพระเจ้าเฉียนหลง (Chien lung) พ.ศ.2292 ได้พระราชทานข้อความที่เขียนบนแผ่นกระดาษใส่กรอบมา ข้อความนั้นคือ เหยียนฝูผิงฟั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างสยามหรือสฉวนหลอ กับจีน ซึ่งเริ่มมาแต่สมัยราชวงศ์ซุ่ง นั้นได้ดำเนินมาจนถึงสมัยราชวงศ์ชิง ปีที่ 32 รัชกาลพระเจ้าเฉียนหลง พ.ศ.2310 พม่าได้มาโจมตีและยึดสยาม ( กรุงศรีอยุธยา ) ไว้ได้ ความสัมพันธ์จึงหยุดชงักไป จนเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งจนเรียกพระองค์ว่า เจิ้นเจ้า ทรงรวบรวมประเทศได้ใหม่ ก็ทรงส่งทูตไปจีนเพื่อเริ่มมีพระราชไมตรีใหม่อีก
ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับจีน ในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลายและสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งปรากฏในจดหมายเหตุจีนต่อไปนี้ เป็นข้อเท็จจริงอันน่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยในช่วงเวลาเดียวกันนั้นด้วย
เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2301 ปีที่ 23 รัชกาลพระเจ้าเฉียนหลง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จีนเรียกว่า หวังโพหลงมอเกอ สวรรคต ก็เกิดการแย่งชิงราชสมบัติขึ้น จากคำให้การของคนสยามชื่อ เฉินหมอ และพ่อค้าชื่อ วุนเส้า ได้ให้การว่า พระเจ้า เส้าฮั้วเหลาวั่งมี่ ( หมายถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ อีกพระนามหนึ่ง สมเด็จพระธรรมราชาธิราช ) ทรงมีพระชายาเอกสององค์ องค์หนึ่งทรงมีพระโอรสทรงพระนาม เส้ากง ( หมายถึง กรมขุนเสนาพิทักษ์ ประสูติแด่ กรมหลวงอภัยยุชิต เดิมทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ฯ ) พระชายาอีกองค์หนึ่งทรงมีพระโอรสสององค์คือ เส้าฮั่วอี้จี่เชียะ กับ เส้าฮั่วลิ่วหลู ( หมายถึง กรมขุนอนุรักษ์มนตรีและกรมขุนพรพินิจ ประสูติแด่กรมหลวงพิพิธมนตรี ซึ่งคือเจ้าฟ้าเอกทัศน์ และเจ้าฟ้าอุทุมพร ) พระโอรสเส้ากง
ทรงมีความประพฤติไม่ดี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงทรงมอบให้พระโอรสองค์อื่น ( ที่เกิดจากพระสนมอื่น ) ปลงพระชนม์เส้ากง อย่างไรก็ดี เส้ากงทรงมีพระโอรส 2 องค์คือ เส้าหย่าเลอะ กับ เส้าซื่อชั้ง ( พระองค์เจ้าเกิด และพระองค์เจ้าชื่น )
เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสวรรคต ก็มีขุนนางบางคนอยากได้ราชสมบัติ พระโอรสองค์แรกของพระชายาองค์ที่ 2 คือ เส้าฮั่วอี้จี่เชียะ ซึ่งน่าจะได้ราชสมบัติแต่เนื่องจากไม่ทรงแข็งแรง ดังนั้นพระอนุชาคือ เส้าฮั่วลิ่วหลู จึงขึ้นครองราชย์แทน ทำให้พระเชษฐาไม่พอพระทัย พยายามยึดราชสมบัติคืน |