ออกญา ชนชั้นปกครองชั้นสูงสุด ขอบของลอมพอกทำด้วยทองคำ และยอดแหลมประดับด้วยช่อมาลา

ออกพระ ขุนนางบรรดาศักดิ์ชั้นสอง ขอบของลอมพอกทำด้วยช่อชัยพฤกษ์

ออกหลวง ผู้มีบรรดาศักดิ์ชั้นสาม ขอบของลอมพอกกว้างเพียงสองนิ้ว และฝีมือประณีตน้อยกว่าของออกพระ

ออกขุน ผู้มีบรรดาศักดิชั้นสี่ ขอบของลอมพอกทำด้วยทองคำ หรือเนื้อเงินเกลี้ยง

ออกหมื่น ผู้มีบรรดาศักดิ์ชั้นห้า ขอบของลอมพอกทำด้วยทองคำ หรือเนื้อเงินเกลี้ยงเช่นเดียวกับออกขุน

การนุ่งผ้าสองปักหรือสมปัก สำหรับข้าราชการผ้านุ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ ผ้าสองปัก ” เพราะเป็นผ้าทางราชการซึ่งได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ แสดงถึงลำดับยศและสังกัด การนุ่งผ้าชนิดนี้จะนุ่งเวลาเข้าเฝ้า หรือตามเสด็จพระราชดำเนินแม้แต่ออกจากบ้านจะเข้าวังก็ใช้ผ้าอื่นน ุ ่งมาก่อน โดยทนายหน้าหอถือผ้าสมปักตาม เพื่อมานุ่งในเขตพระราชฐาน หลักฐานจากจิตรกรรมฝาผนัง แสดงให้เห็นว่าได้มีการนุ่งกันบริเวณกำแพงแก้วข้างท้องพระโรง

ผ้าสองปักหรือสมปักนี้เป็นผ้าไหมหน้าแคบ ต้องต่อให้กว้างโดยใช้สองผืนต่อกัน เรียก “ เพลาะ ” เมื่อเพลาะแล้วจะกว้างประมาณ 160 ซม. ซึ่งกว้างกว่าผ้านุ่งธรรมดา 1/4 ความยาวก็เช่นกัน ยาวกว่าผ้านุ่งธรรมดา 1/2 เมื่อนุ่งเต็มยศใช้ผ้าสมปักลายต่างๆ เมื่อนุ่งเข้าเฝ้าตามปกติใช้ผ้าสมปักไหมสีต่างๆ ผ้าสมปักที่มีเกียรติสูงที่สุดคือ “ สมปักปูม ” เป็นสมปักที่ทอด้วยไหมมีลายดอกเป็นตาๆ สมปักที่เป็นชั้นธรรมดาที่สุดคือ สมปักริ้ว

วิธีนุ่งผ้าสมปักนั้นไม่เหมือนกับวิธีนุ่งผ้าโจงกระเบนทีเดียวนัก เพราะผ้ายาวกว่ากว้างกว่า วิธีนุ่งจึงต่างออกไป เมื่อเริ่มนุ่งแบ่งผ้าให้สั้นข้างยาวข้าง ข้างสั้นนั้นให้เท่ากับเวลานุ่งโจงกระเบนธรรมดา เหน็บชายพกไว้ก่อน แล้วเอาข้างยาวทบให้เท่ากับข้างสั้นเข้าหาตัว เอาเศษที่เหลือตอนชายข้างบนสอดเข้าใต้พกเดิมชักขึ้นไปจะได้รูปชายผ้าเป็นปากช้าง การชักชายนี้เรียกกันว่า “ ชักพก ” ชายผ้าที่สำหรับจะม้วนจึงหนาบางไม่เท่ากัน ข้างขวาเป็นผ้าทบเดียวข้างซ้ายเป็นผ้าสองทบ เอาชายทั้งสองนี้ทับกัน แล้วพับม้วนกลมเป็นชายกระเบนธรรมดา แต่ค่อนข้างหนา ลอดใต้ หว่างขาไปเหน็บที่กระเบนเหน็บดังนุ่งโจงกระเบนธรรมดา