จะโดยทิศใดก็ใจหวาด วิปลาสเห็นวาฬขึ้นข้างขวา
ประมาณยาวราวสามสิบห้าวา ที่ท่อนหน้าไม่ตระหนักประจักษ์ใจ
เห็นคล้ายกุ้งที่กระพุ้งแพนหาง ประมาณกว้างนั้นสิบห้าวาได้
แต่โดยลมอมชลที่พ่นไป ก็สูงได้โดยหมายกับปลายตาล
เขาก็กลับใบบากออกจากที่ คะเนหนีจะให้พ้นแถวสถาน
เอาธูปเทียนบวงบนขึ้นลนลาน วันทนาปลาวาฬวุ่นวาย ฯลฯ

แสดงว่า ชาวเรือสมัยนั้นเกรงกลัวปลาวาฬ ถึงกับต้องจุดธูปเทียนไหว้วอนกัน
การเดินทางไปเมืองจีนในสมัยนั้น จึงนับว่าเต็มไปด้วยอันตราย พระยามหานุภาพได้รำพันไว้สั้นๆ ตอนหนึ่งว่า
ถ้ากลางคืนก็ได้ชื่นแต่แสงจันทร์ ทิวาวันก็ได้ชมแต่รังษี
กับจะดูมัจฉาในวารี ก็มีแต่พวกพรรค์จะอันตราย
ระยะทางจากเมืองไทยไปเมืองจีน จากกรุงธนบุรีไปถึงเมืองกวางตุ้ง ประมาณเท่าใด กินเวลาเดินทางนานเท่าใด ในนิราศกวางตุ้งแจ้งไว้ดังนี้

ขอประมาณแต่นิราธานี ถ้านับวันก็ได้สามสิบสามวัน
ถ้าสำคัญว่าเท่าไรในวิถี ก็ได้สามร้อยโยชน์เศษสังเกตมี

การต้อนรับทางเมืองจีนเมื่อแรกไปถึง ขอยกตัวอย่างมาให้เห็นสักตอนหนึ่ง ดังนี้
ฝ่ายจีนจงเอี้ยซึ่งเป็นใหญ่ ได้คุมไพร่สิบหมื่นรักษาสถาน
ก็ลงเรือรีบพลันมิทันนาน มาถามการข่าวข้อคดีดี
ฝ่ายทูตตอบว่าพระราชสาร พระผู้ผ่านอยุธยาวดีศรี
มาจิ้มก้องโดยคลองประเพณี จำเริญราชไมตรีตามโบราณ
ฝ่ายจีนจดหมายเอารายชื่อ แล้วก็รื้อดูทรงส่งสัญฐาน
แต่จำกดจดไปจนไฝปาน แล้วเกณฑ์เจ้าพนักงานลงคุมไป
กับทหารสามสิบใส่เรือรบ เครื่องครบอาวุธสรรพไสว
พนักงานป้องกันให้ครรไล ก็แล่นไปตามเรื่องรัถยา
(อธิบายศัพท์บางคำ-จงเอี้ย ก็คือจ๋งเอี้ย ในภาษาจีน แปลว่า นายค่าย หรือนายทัพ)