ตามหมายกำหนดการ เมื่อวันอังคารขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้ายปีวอก พ.ศ.2319 หลังจากสร้างพระเมรุและสถานที่สำหรับสมโภชงานและเมื่อแห่พระบรมอัฐิจากพระราชวังผ่านวัดโมฬีโลก (วัดท้ายตลาด) ขึ้นไปถึงบางยี่ขัน แล้วกลับมาประดิษฐาน ณ พลับพลาวัดอินทารามแล้วนั้น จึงโปรดให้กรมกองกลางนำเงินไปแจกเป็นมหาทานแก่พวกทูลละอองที่มาในงานทุกคน ผู้ชายพระราชทานสลึง ผู้หญิงคนละเฟื้อง กับให้พระยามหาเสนาคุมเงิน 10 ชั่งไปเที่ยวแจกกระยาจกวณิพก ทั้งในกรุงและนอกกรุง โปรดให้สังฆการี อารธนาพระสงฆ์มาสบสังวาส 1 หมื่น มีพระภิกษุ 2,230 รูป เถรและเณร 1,738 รูป (สงฆ์สบสังวาสในพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับพันจันนุมาศ (เจิม) ว่า สงฆ์ไม่เลือกนิกายและอารามรวมกัน ในพระราชวิจารณ์รัชกาลที่ 5 ทรงให้อรรถาธิบายว่า สบสังวาสหมื่นหนึ่งหมายถึง การถวายข้าวสงฆ์องค์ละ 2 ห่อ ไม่ใช่การถวายเงินซึ่งเป็นวิธีของชาวกรุงเก่า)

โบราณวัตถุสถานที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้ากรุงธนบุรี
พระเจดีย์กู้ชาติ คือพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ยอดบัวกลุ่มคู่กับพระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของพระมเหสี ทั้งสองพระองค์ประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถเก่า

พระพุทธรูปฉลองพระองค์ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นพระพุทธรูปปางตรัสรู้ เป็นพระประธานในพระอุโบสถเก่า และเป็นที่บรรจุพระบรมสรีอังคาร (ขี้เถ้า) ของพระองค์

พระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัยสมัยอยุธยา ประดิษฐานในพระวิหารเล็กข้างพระอุโบสถเก่า หรือวิหารพระเจ้ากรุงธนบุรี

พระอุโบสถเก่าที่พระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงปฏิสังขรณ์ไว้ แต่ก่อนไม่มีหน้าต่างท่านเจ้าคุณพระทักษิณคณิสรได้เจาะเปิดผนังทำหน้าต่าง เมื่อท่านมาอยู่เป็นเจ้าอาวาส

พระวิหารไว้พระแท่นบรรทมของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และพระบรมรูปแบบจำลองทรงกรรมฐานอยู่ในพระวิหารสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

พระอุโบสถใหม่ ซึ่งสร้างจากบริเวณที่ประดิษฐาน (ฝัง) พระบรมศพของพระเจ้ากรุงธนบุรี

นอกจากนี้ยังมีพระปรางค์ เจดีย์วิหารต่างๆ ซึ่งสร้างและบูรณะซ่อมแซมในสมัยหลังพระเจ้ากรุงธนบุรีอีกมาก มีทั้งที่หักพังไปมากแล้ว และที่กำลังบูรณะและสร้างขึ้นใหม่ก็มี (สนั่น ศิลากรณ์, 2531 : 123-125)