10. พระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะสงฆ์
ในคราวที่ได้โปรดให้ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามเป็นการใหญ่คราวแรก ในปี พ.ศ. 2311 นั้น เมื่องานได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ก็ได้ทรงมีพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่คณะสงฆ์ ในเรื่องขอให้ยึดมั่นอยู่ในศีลวินัยเป็นอันดี อย่าทำให้พระพุทธศาสนาต้องมีอันเป็นเศร้าหมอง ขัดข้องประการใดทรงรับเป็นพระราชธุระจัดหาให้โดยเต็มที่
ความเด็ดเดี่ยวในพระราชหฤทัยในการพระศาสนานั้น ปรากฏชัดแจ้งอยู่ในพระบรมราโชวาทคราวนั้น ดังนี้
ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวง จงตั้งสติอารมณ์ปรนนิบัติ ตั้งอยู่ในพระจัตุปาริสุทธิศีลสังวรวินัยบัญญัติบริบูรณ์ อย่าให้พระศาสนาของพระองค์เศร้าหมองเลย แม้นพระผู้เป็นเจ้าจะขัดสนด้วยวัตถุปัจจัยทั้ง 4 ประการนั้น เป็นธุระโยมจะอุปถัมภ์
ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวง มีศีลคุณบริบูรณ์ในพระศาสนาแล้ว แม้นจะปรารถนามังสะ (เนื้อ) รุธิระ (เลือด) โยม โยมก็อาจสามารถจะเชือดเนื้อแลโลหิตออกบำเพ็ญทานได้
มิใช่แต่พระสงฆ์ไทยเท่านั้น ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานพระบรมราโชวาท ขอให้ประพฤติปฏิบัติยึดมั่นอยู่ในพระธรรมวินัย เพื่อให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของมหาชน แม้พระสงฆ์จีน-ญวน ก็เคยพระราชทาน มีหลักฐานปรากฏอยู่ในจดหมายรายวันทัพคราวปราบเมืองพุทไธมาศและเขมร สมัยกรุงธนบุรี เมื่อ พ.ศ. 2314 อยู่หลายตอน
วันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น 10 ค่ำ เพลาเช้าเสด็จฯ ไปบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดญวน ถวายนมัสการบูชารูปพระปฏิมากร ครั้งแล้วพระสงฆ์ญวนสวดมนต์ถวายจบแล้ว ทรงพระราชศรัทธาถวายเงินพระสงฆ์ เถร เณร ประชี (อาจหมายถึง ปะขาวและแม่ชี) แล้วมีพระราชบริหาร ให้โอวาทแก่พระสงฆ์โดยภาษาญวน ให้ตั้งอยู่ในวินัยสิกขา ว่าอย่าคบหาส้องเสพด้วยสีกา ให้อุตสาหะทำนุบำรุงพระศาสนารุ่งเรืองถ้าจะขัดสนเป็นประการใด ก็ให้ไปหาพระยาราชาเศรษฐี...ฯลฯ
พระยาราชาเศรษฐีที่ว่านี้ ก็คือเจ้าเมืองพุทไธมาศคนใหม่ ที่โปรดให้แต่งตั้งขึ้นในโอกาสตีเมืองพุทไธมาศกลับคืนมาเป็นของไทยเราได้ ในปี พ.ศ. 2314 นั้น เดิมเป็นพระยาพิพิธฯว่าราชการที่โกษาธิบดีมาก่อน เป็นขุนนางชาวจีนที่สำคัญคนหนึ่ง ในรัชสมัยของพระองค์
|