2. กฎมณเฑียรบาล
กฎมณเฑียรบาลเป็นกฎหมายที่วางระเบียบปฏิบัติในราชสำนักและวางหลักความสัมพันธ์ ระหว่างพระมหากษัตริย์กับข้าราชบริพาร เป็นกฎหมายที่เก่าแก่มาตั้งแต่ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงใช้กฎหมายฉบับนี้ในการวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีหลายครั้ง เช่น
2.1 คดีฝรั่งเป็นชู้กับพระสนม
พระราชพงศาวดารตอนหนึ่งได้กล่าวว่า เมื่อวันจันทร์ เดือนเจ็ด แรม 1 ค่ำ จุลศักราช 1131 ปีฉลูเอกศก หม่อมเจ้าอุบล บุตรีกรมหมื่นเทพพิพิธ หม่อมเจ้าฉิม บุตรีเจ้าฟ้าพิจิตร ซึ่งเป็นพระสนมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมด้วยนางละครอีกสี่คนเป็นชู้กับฝรั่งมหาดเล็กสองคน พิจารณาเป็นสัตย์แล้วให้ตัดแขนตัดศรีษะผ่าอกทั้งชายทั้งหญิงอย่าให้ใครดูเยี่ยงสืบไป หม่อมฉิมและหม่อมอุบลนับได้ว่าเป็นพระสนมซึ่งพระองค์โปรดมาก เมื่อสำเร็จโทษแล้ว ก็ไม่สบายพระทัย ถึงกับตรัสว่าจะตายตามหม่อมอุบล การประหารชีวิตพระสนมและชู้นั้นเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล บทที่ 120 ที่ว่า อนึ่งผู้ใดทำชู้ด้วยแม่พระสนมให้ฆ่าผู้นั้นเสีย 3 วันจึงให้ตาย ส่วนหญิงนั้นให้ฆ่าเสียด้วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายมิได้กำหนดวิธีการฆ่าเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้ย่อมเป็นไปตามพระราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ ว่าจะฆ่าด้วยวิธีใด
2.2 ขัดพระบรมราชโองการ
ตามกฎมณเฑียรบาล บทที่ 101 บัญญัติว่า " อายการแต่นา 10,000 ถึงนา 800 ขัดพระราชโองการมีโทษ 4 ประการ คือ ขัดคำต่อพระโอษฐ์โทษแหวะปาก ขัดดำเนินพระราชโองการโทษฆ่าเสีย ขัดสั่งพระราชโองการตัดปาก ขัดฎีกาพระราชบันทูลไหมจตุรคูน ในสมัยกรุงธนบุรีมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับการขัดพระบรมราชโองการที่สำคัญ คือ
1. ครั้งเสด็จไปปราบก๊กเจ้าพระยานคร มีเหตุเพลิงไหม้ในเมืองนคร ตำบลนายก่าย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จพระราชดำเนินไปอำนวยการดับเพลิง ทรงเรียกให้ข้าราชบริพารนำช้างมาทลายเรือน ฝ่ายกรมช้างมาไม่ทันเสด็จ จึงลงพระราชอาญาให้เฆี่ยนคนละสามสิบทีบ้าง ห้าสิบทีบ้างตามบรรดาศักดิ์ผู้น้อยผู้ใหญ่ ฝ่ายราชนิกูลที่ตามเสด็จไม่ทันก็ให้ลงพระราชอาญาทุกๆ คน
|