 |
สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เป็นพระมหากษัตริย์นักรบที่ดีเยี่ยมที่สุดของไทยพระองค์หนึ่ง ทรงมีพระทัยเข้มแข็ง และทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างแก่ทหารใต้บังคับบัญชา โดยทรงนำ ทัพออกต่อสู้กับข้าศึกด้วยพระองค์เองทุกครั้ง หรือเสด็จคุมทัพหลวงด้วยพระองค์เองเพื่อประโยชน์ในการที่จะได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ และสามารถตรัสสั่งการได้ทันท่วงที ตลอดจนเป็นการเสริมกำลังใจแก่ทหารในคราวที่มีเหตุการณ์คับขัน ทรงสามารถตัดสินพระทัยแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้อง ทรงมีความอดทนเป็นเยี่ยมทั้งพระวรกายและพระราชหฤทัย ทำให้บรรดาข้าราชบริพารและทหารทั้งปวงต่างจงรักภักดีและเคารพยำเกรงในพระองค์เป็นอย่างที่สุด
ยุทธวิธีที่พระองค์ทรงนำมาใช้และเป็นที่ยกย่องกันทั่วไป คือ
1. ทรงริเริ่มการใช้กองทัพเรือในการทำสงคราม ในสมัยก่อนไม่ค่อยมีการใช้เรือในการต่อสู้อย่างจริงจัง แต่พระองค์ได้ทรงนำกองทัพเรือรบออกใช้ในการศึกเป็นครั้งแรก เมื่อทรงยกทัพเรือจากเมืองจันทบุรีไปตีพม่าที่ค่ายโพธิ์สามต้น เป็นผลให้ต่อมามีการใช้กองทัพเรือในการศึก พระเจ้าตากทรงทำการรบไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง และในจำนวนการรบนี้ได้ทำการรบทางบก 19 ครั้ง ส่วนอีก 11 ครั้ง เป็นการรบทางเรือ ทั้งทางแม่น้ำและทางทะเล
ในปี พ.ศ.2314 ได้ทรงกรีฑาทัพเรือ ซึ่งมีเรือรบจำนวน 200 ลำ และเรือสำหรับเดินทะเล 100 ลำ มีกำลังพล 15,000 คน จากกรุงธนบุรีพระองค์ได้ยกทัพไปทางทะเลเพื่อตีเมืองกัมพงโสม เมืองฮาเตียน (เมืองฮาเตียน ไทยเรียกกันว่า เมืองพุทไธมาศ บันทายมาศ หรือไผทมาศบ้าง ภาษาเขมรเรียกว่า บันเตยเมี้ยด จีนเรียกว่า เหอเซียนเจิ้น เมืองนี้ตั้งอยู่ชายทะเลระหว่างเมืองประจันตคิรี หรือเกาะกงกับเมืองไซ่ง่อน, สาระน่ารู้กรุงธนบุรี, 2543 : 184) เมืองพุทไธเพชร ไปจนถึงกรุงพนมเปญ และพระองค์ได้ยาตราทัพกลับมาโดยได้รับชัยชนะอย่างเป็นทางการ (ศิริ ศิริรังษี, พลเรือโท, 2529 : 63)
2. ทรงเปลี่ยนแปลงแผนการรบ จากเดิมซึ่งใช้ตัวเมืองเป็นที่มั่นตั้งรับข้าศึกมาเป็นการส่งกำลังส่วนย่อยออกไป สกัดข้าศึกไว้แต่ระยะไกล ๆ แล้วกำลังส่วนใหญ่ตามออกไปทำลายล้าง
3. ทรงใช้ปืนใหญ่สนับสนุนการรบ เป็นเหตุให้เกิดการขุดคู สนามเพลาะ เพื่อกำบังกระสุน และใช้ปืนใหญ่ยิงต่อสู้ข้าศึกสลับกับการเข้าโจมตีด้วยอาวุธสั้น ซึ่งได้ผลดีอย่างยิ่ง |
|
|