ทัพหนึ่ง ส่วนทัพใหญ่ที่ตามเสด็จไปตีเชียงใหม่ และกำลังอยู่ในระหว่างการล่องเรือกลับลงมายังกรุงธนบุรีนั้นทรงให้เรือตำรวจขึ้นไปรับลงมา “ อย่าให้ใครแวะเข้าบ้านเป็นอันขาด ผู้ใดแวะเข้าบ้านจะประหารชีวิตเสีย ” และเมื่อเรือท้าวพระยาพระหลวงขุนหมื่นข้าราชการทั้งปวงนั้น รีบเร่งลงมาถึงหน้าพระตำหนักแพ “ พอกราบถวายบังคมลา แล้วก็โบกพระหัตถ์สั่งให้รีบออกไปเมืองราชบุรี ”

เห็นได้ว่าราชการศึกครั้งนี้เป็นราชการศึกเร่งด่วนที่ต้องทำการแข่งกับเวลา ผู้ใดขัดพระบรมราชโองการเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าจะถูกลงพระอาญาอย่างรุนแรง ปรากฏหลักฐานว่าขณะนั้นพระเทพโยธาจอดเรือแวะขึ้นบ้าน ครั้นทรงทราบถึงกับลงพระอาญาตัดหัวด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง และยังมีพระบัญชาให้ “ ตำรวจนำเอาศีรษะ ไปเสียบประจานไว้ที่หน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ และศพนั้นให้ทิ้งน้ำเสียอย่าให้ใครดูเยี่ยงอย่างสืบไป”

ทัพที่โปรดให้ยกออกไปรับศึกครั้งนี้ ยังมีกองมอญภายใต้การนำทัพของพระยารามัญวงศ์ และยังมีทัพเจ้าพระยาจักรีและทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือและฝ่ายตะวันออกสมทบตามไปอีก ส่วนตัวพระเจ้ากรุงธนบุรีเองนั้นก็ยกเป็นทัพใหญ่ตามไปสมทบทัพอื่นๆ ด้วยกำลังพล 8,800 โดยเสด็จตรงไปยังค่ายมั่นเมืองราชบุรีเช่นกัน

ข้างทัพพม่านั้น อะแซหวุ่นกี้ซึ่งเป็นแม่ทัพที่เชี่ยวชาญชำนาญศึกผู้หนึ่ง ก็เข้าใจถึงเงื่อนไขทางยุทธศาสตร์ที่มีความจำเป็นจะต้องเข้ายึดเมืองราชบุรีเป็นฐานกำลังให้ได้ ก่อนที่ทัพใหญ่ทางฝ่ายไทยจะเคลื่อนพลเข้ายึดครอง ความพ่ายแพ้ในศึกบางแก้วของอะแซหวุ่นกี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความล้มเหลวในการยึดครองเมืองราชบุรี เพราะทัพหน้าที่ส่งเข้ามาถูกทัพทางฝ่ายไทยตรึงเอาไว้ได้ เมื่อทัพหน้าไม่สามารถกระทำการตามแผนยุทธศาสตร์ ทัพหลวงที่ชุมนุมอยู่ที่เมืองเมาะตะมะก็ยากจะเคลื่อนพลลงมาหนุนทัพหน้าได้

เส้นทางเดินทัพผ่านด่านพระเจดีย์สามองค์ที่อะแซหวุ่นกี้เลือกใช้ในศึกบางแก้วนั้น ถึงแม้จะเป็นเส้นทางลัดตัดเข้าตีกรุงธนบุรีได้เร็วกว่าเส้นทางอื่น แต่เส้นทางก็ทุรกันดาร นอกจากนี้หากเดินทัพล่าช้าเป็นเหตุให้ทัพฝ่ายตรงข้ามเข้ายึดพื้นที่ปิดสกัดเส้นทางและตัดเสบียงได้ ก็จะทำให้เกิดความยากลำบากแก่กองทัพ โดยเฉพาะทัพหลวงที่มีกำลังพลจำนวนมาก และต้องอาศัยพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในการผ่อนปรนผู้คนและตั้งค่าย