ประการที่ 2 อาจจะเป็นเพราะโปสุพลามีความอัปยศอดสู ที่รี้พลของตนมาแตกหนีไปจากเมืองพิชัย เมื่อปีมะโรง จึงยกมาแก้มือเองก็เป็นได้

ในหนังสือพระราชพงศาวดารกล่าวว่า พอสิ้นฤดูฝนในปี พ.ศ.2316 โปสุพลาก็ยกกองทัพมาหมายจะมาตีเมืองพิชัยอีก แต่คราวนี้ฝ่ายไทยรู้ตัวก่อน เจ้าพระยาสุรสีห์และพระยาพิชัย ยกกองทัพไปตั้งซุ่มสกัดอยู่ ณ ที่ชัยภูมิในกลางทาง กองทัพพม่ายกมาถึง ไทยก็ยกออกระดมตี ตีทัพโปสุ พลาแตกไป เมื่อวันอังคาร เดือนยี่ แรม 7 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ.2316 รบกันครั้งนี้ เมื่อเข้าประจัญบานพระยาพิชัยถือดาบสองมือ เข้าไล่ฟันพม่าจนดาบหัก เลื่องลือชื่อเสียงถึงเรียกชื่อกันว่า “ พระยาพิชัยดาบหัก ” แต่นั้นมา

สงครามครั้งที่ 6
คราวไทยตีเมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 2
ปีมะเมีย พ..2317

พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีพระราชดำริการที่จะต่อสู้อยู่ พอได้ข่าวว่ามอญเป็นกบฏต่อพม่าลุกลามใหญ่โต เห็นว่าพม่าจะต้องคิดปราบปรามพวกมอญกบฏอยู่นาน จะยกเข้ามาตีไทยยังไม่ได้ มีช่องควรจะตีเมืองเชียงใหม่ ตัดกำลังพม่าเสียก่อน จึงยกทัพขึ้นทางเมืองกำแพงเพชร ได้ประชุมกันที่บ้านระแหง ( ตรงที่ตั้งเมืองตากทุกวันนี้ ) ก็ได้ข่าวมาว่าพระเจ้าอังวะให้อะแซหวุ่นกี้ เป็นแม่ทัพใหญ่ลงมาปราบพวกมอญกบฏที่ขึ้นไปตีเมืองร่างกุ้ง พวกมอญสู้ไม่ได้แตกหนีพม่าลงมา พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงดำรัสสั่งให้เจ้าพระยาจักรี ( รัชกาลที่ 1) เป็นแม่ทัพใหญ่ คุมกองทัพหัวเมืองเหนือ ยกขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่กับเจ้าพระยาสุรสีห์ ส่วนกองทัพหลวงนั้นต้องรอฟังข่าวทางเมืองเมาะตะมะอยู่ที่เมืองตาก กองทัพเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ก็ยกขึ้นไปทางนครลำปาง

ขณะเมื่อเจ้าพระยาจักรีได้เมืองนครลำปางนั้น พระเจ้ากรุงธนบุรีประทับอยู่ที่บ้านระแหง มีพวกมอญหนีพม่าเข้ามาทางด่านเมืองตาก ขุนอินทคีรีนายด่านพาตัวนายครัวชื่อสมิงสุหร่ายกลั่นมาเฝ้า ดำรัสถามได้ความว่า มอญเสียทีแตกหนีพม่าลงมาจากเมืองร่างกุ้ง อะแซหวุ่นกี้ยกกองทัพติดตามลงมา พวกมอญกำลังอพยพครอบครัวเข้ามาเมืองไทยเป็นอันมาก พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงได้ข่าวว่า พระยากาวิละพาพวกชาวเชียงใหม่ ลำปางมาเข้ากับไทยทรงพระราชดำริเห็นว่า การสงครามทางเชียงใหม่ได้ทีอยู่ จึงดำรัสสั่งลงมายังกรุงธนบุรีให้พระยายมราชแขก (ลูกเจ้าพระยาจักรีแขก ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว พระยายมราชแขกนี้ เดิมมีตำแหน่งเป็นพ ระยาราชบังสัน) คุมกองทัพออกไปตั้งดักด่านตำบลท่าดินแดง คอยรับครัวมอญที่จะเข้าทางด่านเจดีย์สามองค์ และให้พระยากำแหง