1. มีเรื่องเล่าว่าตอนที่ท่านเกิดอากาศแจ่มใสไม่มีเมฆหมอก แต่เกิดมีฟ้าผ่าลงเสาดั้ง ( เสาที่ตั้งร้านอกไก่ตั้งบนรอด ) แต่กุมารสินก็ไม่เป็นอันตราย
2. กล่าวกันว่าท่านทรงมีสะดือลึกขนาดนำหมากสง ( หมากดิบ ) ทั้งเปลือกใส่ลงไปได้ ซึ่งแปลกกว่าเด็กอื่นๆ และโดยลักษณะของกุมารน้อยปรากฏเป็นจตุรัสกาย ( เป็นส่วนสี่เหลี่ยม ) ( ทวน บุณยนิยม , 2513 : 5) กล่าวคือวัดตั้งแต่สะดือไปถึงเท้า เท่ากับวัดตั้งแต่สะดือไปถึงเชิงผม ที่หน้าผากกว้างใหญ่ ถ้าหากวัดตั้งแต่ปลายนิ้วทั้งซ้ายขวา เมื่อเหยียดเต็มแขนหน้าแล้วจะเท่ากับ ความยาวตั้งแต่ปลายเท้าไปถึงเชิงผมที่หน้าผาก บุคคลที่มีลักษณะเช่นนี้ นักปราชญ์โบราณทั้งไทยและจีนกำหนดเรียกว่า มหาบุรุษโดยแท้ (สนั่น ศิลากรณ์, 2531 : 3)
3. เมื่อเกิดได้ 3 วัน มีงูเหลือมมาขดรอบกระด้งที่ใส่ท่านไว้ ( พ . ต . ต . พิศาล เสนะเวส , 2515 : 2) ทำให้บิดาและมารดาของสมเด็จพระเจ้าตากสินวิตกกลัวภัยอันตรายต่างๆ ว่าจะมีเหตุร้ายบังเกิดขึ้นซึ่งตามธรรมเนียมจีนมักจะนำบุตรซึ่งบังเกิดระหว่างเหตุร้ายนั้นไปฝังเสียทั้งเป็น แต่ไม่สามารถทำได้ในเมืองไทยเพราะกลัวอาญาแผ่นดิน จึงคิดว่าน่าจะนำบุตรไปทิ้งเสียให้พ้นบ้าน เจ้าพระยาจักรีทราบเรื่องจึงมีจิตคิดเวทนาสงสารกุมาร ท่านจึงขอกุมารนั้นจากจีนไหฮองผู้บิดา ซึ่งก็ยินดียกท่านให้เจ้าพระยาจักรี
หมายเหตุ พ . ต . ต . พิศาล เสนะเวส (2515 : 328-329 ) ได้ให้คำอธิบายว่า ในพงศาวดารจีนหลายเรื่องเช่น เรื่องไซ่ฮั่น เล่าปัง คือ ฮั่นอ๋อง ซึ่งได้ราชสมบัติแห่งมหาอาณาจักรจีน ก็มีนิมิตเรื่องงู เมื่อเล่าปังเจอะงูขาวขวางทางอยู่ เล่าปังเอากระบี่ฟันงูขาวตาย มีนางไม้พูดว่า เจ้างูสีม่วงเจ้าฆ่างูสีขาวเสียแล้ว และงูขาวนั้น ชาวจีนเปรียบว่าเป็นห้างอี๋ หรือ ฌ้อปาอ๋อง
เมื่อเล่าหยูชิงราชสมบัติพระเจ้ากวงเต้ อันเป็นกษัตริย์วงศ์พระเจ้าสุมาเอี๋ยน เล่าหยูเข้าไปในป่า พบเด็กตำยา เด็กนั้นบอกเล่าหยูว่า ตำยาไปรักษาเจ้าของตนซึ่งเป็นงูใหญ่ เล่าหยูตวาดเด็กเหล่านั้นๆ ก็มีความกลัวหายไป ดังนั้นเปรียบได้ว่าเล่าหยูเป็นมังกร เด็กเหล่านั้นจึงกลัวมาก ทั้งๆ ที่เจ้าของตนก็เป็นงูใหญ่ แต่ก็สู้มังกรไม่ได้ เล่าหยูก็เป็นกษัตริย์วงศ์น่ำซ้อง
ในเรื่องเม่งเฉียว หรือหมิงเฉา จูง่วนเหล็งปฐมกษัตริย์ก็มีเสียงอสรพิษอยู่บนศีรษะ จูง่วน เหล็งก็ได้เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เหม็งหรือหมิง ท่านไหฮองคงไม่เคยอ่านพงศาวดารจีนจึงตกใจกลัว
|