พระราชประวัติในเวลาต่อมาคือ เจ้าพระยาจักรี (หลวงจ่าแสนยากรได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาอภัยมนตรีที่สมุหนายก) ได้ขอเอาไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม และตั้งชื่อให้ว่า สิน จนเมื่อพระชนมายุได้ 5 พรรษา (บางแห่งว่า 9 พรรษา) จึงได้นำไปฝากเป็นศิษย์เรียนหนังสือไทยกับหนังสือขอม และเรียนพระไตรปิฎก กับพระอาจารย์ทองดีมหาเถระ วัดโกษาวาส
พระองค์ทรงศึกษาอยู่ที่วัดโกษาวาสจนถึงพระชนมายุได้ 13 พรรษา จึงโสกัณต์ (โกนจุก) ภายหลังจากนั้น เจ้าพระยาจักรีก็นำเข้าเฝ้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ซึ่งโปรดให้ทำราชการอยู่กับหลวงนายศักดิ์ บุตรเจ้าพระยาจักรี
เจ้าพระยาจักรีท่านนี้ คงเป็นเจ้าพระยาราชภักดี เพราะเจ้าพระยาจักรี (เจ้าพระยาอภัยมนตรี) ถึงอสัญกรรมแล้วเมื่อปีจอ จ.ศ.1104 (พ.ศ. 2285) ดังอ้างแล้ว
1.9 สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงศึกษาเล่าเรียนอย่างไร ?
เมื่ออายุได้ประมาณ 8-9 ขวบ เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเด็กชายสิน ไปฝากพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส ( วัดคลัง หรือวัดเชิงท่า ) ซึ่งเจ้าพระยาจักรีเป็นผู้สร้างวัดนี้ขณะที่รับตำแหน่งโกษาธิบดี ( การคลัง ) ( ประพัฒน์ ตรีณรงค์ , 2534 : 1) ให้เป็นผู้สอนวิชาความรู้และอบรมด้านต่างๆ กุมารสินได้เรียนวิชา ภาษาไทย อ่านออกเขียนได้ อีกทั้งเรียนหนังสือ ภาษาขอม เรียนคัมภีร์ พระไตรปิฎก จนอายุได้ 13 ปี ( ทวน บุญยนิยม , 2513 : 6-7)
วรมัย กบิลสิงห์ (2540 : 8-9) เขียนไว้ว่า เมื่อเจริญวัยขึ้นได้เป็นศิษย์พระอาจารย์สุก วัดพระยาเมือง ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์สำนัก วัดพันทาย แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ และได้บวชเรียนอยู่กับท่าน ส่วน ภาษาจีน นั้นเรียนอยู่กับท่านซินแส เมื่อจะเข้ารับราชการนั้น ท่านบิดาพาไปฝากกับขุนนางผู้ใหญ่ที่ท่านรู้จักโดยตนเองคือ พระยาราชสุภาวดี ( คนเก่า ) บ้านประตูจีน ซึ่งมีเชื้อสายจีนเหมือนกัน ... ท่านเจียนสิน ( สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ) เป็นคนฉลาด เรียนรู้ทั้งภาษาไทย และภาษาจีน เป็นผู้บากบั่นและขยันในหน้าที่การงาน
ทวน บุณยนิยม (2513 : 11) เขียนไว้ดังนี้ นายสินตั้งแต่เข้ามารับราชการอยู่ในพระราชวังหลวงแล้ว ก็ใฝ่ใจหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอจากสำนักราชบัณฑิต ซึ่งมีทั้งไทย จีน และแขก ภาษาไทยนั้นก็ได้ศึกษาอักษรศาสตร์ วรรณคดี ศึกษาโคลง ฉันท์ กาพย์กลอนเพิ่มขึ้น ทางด้าน วิชาการทหาร
|