เมื่อพิจารณาพระภิกษุสองรูปอยู่พอสมควร ก็หัวเราะเดินจากไป เมื่อไต่ถามก็ได้คำตอบว่าทั้งสองท่านนี้ประหลาดแท้ๆ ด้วยลักษณะของแต่ละท่านจะได้เป็นเจ้าแผ่นดินเหมือนกัน (ประยูร พิศนาคะ , 2527 : 7-8)

7. พระบารมีปรากฏอภินิหาร
วรมัย กบิลสิงห์ (2540 : 41-42, 48-49) ได้เขียนเล่าเกี่ยวกับพระบารมีปรากฏอภินิหารว่า “ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เสด็จจะไปตีเมืองนครศรีธรรมราชโดยได้เสด็จไปทางเรือ บังเกิดพายุคลื่นลมหนัก และเรือรบข้าราชการในกองหลวง และกองหลังบ้างล่ม บ้างแตก บ้างเข้าจอดแอบบังอยู่ในอ่าว สมเด็จพระพุทธเจ้า (สมเด็จพระเจ้าตากสิน) จึงดำรัสให้ปลูกศาลขึ้นสูงเพียงตาบนฝั่ง ให้แต่งตั้งเครื่องกระยาสังเวยบวงสรวงเทพารักษ์อันพิทักษ์ท้องมหาสมุทร ให้จัดธูปเทียน กระทำการสักการะบูชาและทรงตั้งพระสัตยาธิษฐาน เอาคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่ตั้งกับทั้งพระบารมีซึ่งทรงบำเพ็ญมาแต่บรรพชาติและในปัจจุบัน ขอจงดลบัลดาลให้คลื่นลมสงบในบัดนั้น ด้วยเดชะอำนาจพระราชกฤษฎาธิการอภินิหารบารมีเป็นมหัศจรรย์ คลื่นลมนั้นก็สงบสงัดราบคาบ เป็นประจักษ์ในขณะทรงพระสัตยาธิษฐาน และเรือพระที่นั่งและเรือข้าราชการทั้งหลาย ล้วนเป็นเรือรบน้อยๆ ก็ไปได้ในมหาสมุทรหาอันตรายมิได้ ” (จากพระราชพงศาวดาร เล่ม 2 ตอน 2 หน้า 18)

“… และในการไปตีเมืองเชียงใหม่ เมื่อทรงยกกองทัพถึงตำบลลุ่มเหลือง เสด็จหยุดประทับแรม ณ พลับพลาในค่ายนั้น และครั้งนั้นเป็นเทศกาลคิมหันตฤดู กันดารด้วยน้ำ … จึงดำรัสว่า “ อย่าปรารมภ์เลย เป็นภารธุระของเรา ค่ำวันนี้อย่าให้ตีฆ้องยามเลย จงกำหนดแต่นาฬิกาไว้เพลาห้าทุ่ม เราจะให้ฝนตกลงจนได้ ” แล้วจึงดำรัสสั่งพระยาราชประสิทธิ์ให้ปลูกศาลเพียงตา ตั้งเครื่องพลีกรรมบวงสรวงเทพยดาบนเขาแล้ว จึงทรงตั้งพระสัตยาธิษฐาน เอาพระบรมโพธิสมภารบารมีของพระองค์ ซึ่งทรงสันนิจยาการมาแต่อดีตบุรพชาติตราบเท่าถึงปัจจุบันภพนี้ จะเป็นที่พึ่งพำนักแก่ไพร่พลทั้งปวง กับทั้งอานุภาพเทพยดาขอจงบันดาลให้ท่อธารวรรโษทก จงตกลงในราตรีวันนี้ให้เห็นประจักษ์ และเพลานั้นพื้นนภากาศก็ปราศจากเมฆ ผ่องแผ้วเป็นปกติอยู่

ด้วยเดชะอำนาจกำลังพระอธิษฐานบารมีกับทั้งอนุภาพ พอถึงเพลาสี่ทุ่มแปดบาทบันดาลให้ฝนห่าใหญ่ตกลงหนัก จนน้ำไหลนองไปทั่วท้องป่า และขอนไม้ในป่าลอยไหลไปเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก ครั้นเพลาเช้าก็ทรงช้างพระที่นั่งให้ยกพลโยธาหาญข้ามเขานั้นไป … จนถึงเมืองลำพูน …” (จากพระราชพงศาวดาร เล่ม 2 ตอน 2 หน้า 40)