พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปี่ยมด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะ ซึ่งในเรื่องนี้ พระธรรมโกศาจารย์ ( ปัญญานันทภิกขุ ) ได้กล่าวไว้ว่า “... ในหลวงพระองค์นี้มีพระราชจริยวัตรอันงดงาม นอกจากทรงมีพระเมตตากรุณาแล้ว ยังมีพระราชวิริยะอุตสาหะพยายามเป็นเลิศ เสด็จไปเยี่ยมประชาชนในที่ต่างๆ ตลอดเวลา เสด็จไปเหนือไปใต้ไปตะวันออกไปตะวันตกทุกแห่ง เพื่อดูแลสุขทุกข์ของประชาชน ที่ใดมีทุกข์พระองค์เสด็จไปช่วย ฝนแล้งก็เสด็จไปช่วย ทรงทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สมดังพระราชปณิธานที่ว่า ‘ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ' ซึ่งพระองค์ทรงพระราชวิริยะอุตสาหะกระทำทุกอย่างตามเป้าหมายที่ทรงวางไว้ ชีวิตพระองค์เป็นชีวิตแห่งการให้ เสด็จไปไหนก็เสด็จไปเพื่อให้ ให้แต่ความสุขแก่ประชาชนทุกถ้วนหน้า ทรงปฏิบัติงานเหน็ดเหนื่อยตลอดเวลา ข้าราชการทำงานยังมีการพักร้อน แต่ในหลวงทรงทำงานโดยไม่พักร้อน ทำงานตลอดเวลา ไม่จำกัดว่าเช้าสายบ่ายเย็น แม้กลางคืนก็ทรงงาน เมื่ออยู่ในพระราชวังอันเป็นที่ประทับ ก็ทรงปฏิบัติหน้าที่ของพระองค์อยู่ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินตลอด 24 ชั่วโมง ข้าราชการทำงานไม่ถึง 8 ชั่วโมงก็พักแล้ว ไปทำงานก็สายด้วยซ้ำไป เลิกงานก่อนเวลา แต่ในหลวงนั้นไม่มีเวลาจำกัดในการทำงาน ทรงปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขแห่งประชาชน ไม่ว่าชาวเขา ชาวเรา ชาวเหนือ ชาวใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ล้วนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ และเป็นที่ประจักษ์แก่ใจคนไทยทุกถ้วนหน้า


คนไทยรู้จักพระองค์ในฐานะพระผู้เมตตากรุณาต่อประชาราษฎร์ เราทั้งหลายอยู่ภายใต้พระบารมีของพระองค์ ควรจะเอาอย่างพระองค์ พระองค์ทรงทำงานเหน็ดเหนื่อยจนพระเสโทไหลตามพระนาสิก ” (สัมภาษณ์ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2539 ณ วัดชลประทานรังสฤษดิ์) ซึ่งเรื่องเดียวกันนี้ พระพิศาลธรรมพาที ( พระพยอม กลฺยาโณ ) ได้กล่าวไว้ว่า “ ภาพพระเสโทไหลตามพระนาสิกของในหลวงนั้น เป็นภาพพระราชกรณียกิจทีแสดงให้เห็นว่า ในหลวงทรงงานเพื่อพสกนิกรจนเหน็ดเหนื่อย พูดตามภาษาชาวบ้านว่าทำงานจนเหงื่อไหลไคลย้อย เป็นภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้พุทธศาสนิกชนได้ทุ่มเท เสียสละ อดทนทำงานเพื่อพระศาสนา เพื่อสังคมให้มากยิ่งขึ้น ...” (สัมภาษณ์เมื่อ 28 เมษายน พ.ศ.2539 ณ วัดสวนแก้ว)