คืนนั้นผู้ใหญ่บ้านบอกผู้เขียนว่า “ พะเจ้า พะเจ้า เฮาจะให้สาวแม้วพะเจ้า เวลาพะเจ้าขึ้นดอย สาวแม้วจะเป้อะของให้ เวลาจะกินสาวแม้วจะทำข้าวให้ เวลานอนพะเจ้าไม่ต้องนอนหนาว ” ซึ่งเป็นการแสดงความมีน้ำใจอย่างรุนแรง จนผู้เขียนเสียใจมากที่ต้องปฏิเสธ

ผู้เขียนบอกเขาว่า “ เฮาต้องไปหลายดอย ไปเยี่ยมลั้วะ กะเหรี่ยง มูเซอ ลีซอ อีก้อ คะฉิ่น ถ้าเฮาไปบ้านมูเซอ แล้วเอาสาวแม้วไป มูเซอจะเสียใจ ไปไหนเฮาต้องเอาเมียไป 6-7 คน เปลืองเงินมาก พระเจ้าอยู่หัวจะว่าเฮา ” อันเป็นการแอบอ้างที่ดีมาก และเขาไม่เสียน้ำใจ

เรื่องที่ 11
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ AIT และทอดพระเนตรการตัดสินผลการประกวดภาพเขียน เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่ AIT ได้จัดขึ้น สุวิชา (2535 : 107) เล่าไว้ในหนังสือตะวันส่องหล้าตอนหนึ่งว่า


ตอนหนึ่งฉันได้ยินดร . สุวิทย์ ยอดมณี กราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่าชอบภาพที่ได้รางวัลที่ 2 มากกว่า ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเห็นด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงหันมารับสั่งว่า “ อยู่บนที่สูง ปากเลยเบี้ยวไปหน่อย ”

มาถึงภาพที่ 3 ซึ่งเป็นภาพ “ พระองค์ท่าน ” มีแผนที่ประเทศไทยอยู่บนพระหัตถ์ซึ่งผู้วาดคงจะหมายความว่าทรงแบกภาระของประเทศไว้ทั้งประเทศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทูลถาม “ พระองค์ท่าน ” ว่า “ หนักไหม ” ทรงทำพระพักตร์เครียดแล้วทรงตอบว่า “ หนักมาก ” อีกภาพหนึ่งมีคนมากมายอยู่ในภาพ ตรงมุมภาพมีคนตัวเล็กๆ อยู่ในครอบครัว “ พระองค์ท่าน ” ทรงสะกิดให้พระราชธิดาทอดพระเนตร แล้วรับสั่งว่า “ นี่คนเล็กอยู่ที่นี่ ” ทรงชี้ที่องค์พระราชธิดาและคนเล็กๆ ที่อยู่ในภาพ มาถึงภาพที่มีคนวิจารณ์ว่า พระเสโท ( เหงื่อ ) มากก็รับสั่งว่า “ ฝนตก ” มีอยู่ภาพหนึ่งเป็นภาพ “ พระองค์ท่าน ” ทรงช้าง ท่านแย้มพระสรวลแล้วรับสั่งว่า “ เคยขี่หนเดียวที่ภูกระดึง ”