วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2531 การพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน ทรงถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วเสด็จฯ ไปยังหอพระราชกรมานุสรและหอพระราชพงษานุสร ทรงถวายเครื่องราชสักการะพระพุทธรูปประจำรัชกาลของสมเด็จพระมหากษัตริยาราชทุกพระองค์ในอดีต

วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2531 พระราชพิธีสมโภชสิริราชสมบัติรัชมังคลาภิเษก ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ทุกรัชกาลประดิษฐานที่พระแท่นมุก และเครื่องราชกกุธภัณฑ์ พระแสงราชศรัตราวุธประจำรัชกาล พระกรัณฑ์ทองคำลงยาบรรจุดวงพระบรมราชสมภพ พระสุพรรณบัฏพระปรมาภิไธย ประดิษฐานที่พระแท่นราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ พระสยามเทวาธิราชออกประดิษฐานที่พระที่นั่งมุขเด็จ ตั้งเครื่องบวงสรวงสังเวย แล้วพระครูพราหมณ์ อ่านประกาศบวงสรวง นอกจากนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชสิริราชสมบัติรัชมังคลาภิเษก

วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2531 ได้เสด็จไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อบวงสรวงสังเวย และบำเพ็ญพระราชกุศลถวายอดีตพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ โดยอนุโลมตามแบบเมื่อครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ซึ่งการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเรียกว่า พระราชพิธีรัชมงคล การประกอบพระราชพิธีบวงสรวงสังเวยครั้งนี้ ได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางประจำรัชกาลพระเจ้าอู่ทองประดิษฐานเป็นองค์ประธาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายภาวาส บุนนาค รองราชเลขาธิการขณะนั้น เป็นผู้อ่านประกาศพระบรมราชโองการสดุดีบวงสรวง

6. พระราชพิธีกาญจนาภิเษก

วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2539 เป็นวาระมหามงคลที่ประชาชนชาวไทยได้ปลาบปลื้มอีกวาระหนึ่ง เนื่องด้วยเป็นมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จดำรงสิริราชสมบัติครบ 50 ปี งานนี้เป็นงานครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติไทย เพราะตลอดเวลากว่า 700 ปี ยังไม่เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงครองราชย์ถึง 50 ปี