พระบรมราโชวาทอีกตอนหนึ่งที่พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในการเปิดประชุมใหญ่ของสมาคมพุทธศาสนา ทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 28 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2523 ก็แสดงให้เห็นถึงความรู้แจ้งในปรัชญาพุทธศาสนา กล่าวคือ

“… พุทธธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาแสดงความจริงแท้ ที่เห็นแจ้งโดยปัญญาของพระอริยะ จึงเป็นคำสอนอย่างประเสริฐที่จะพึงศึกษา ให้เห็นให้เข้าใจ ตามด้วยการเพ่งพินิจ มิใช่เข้าใจเอาง่าย ๆ โดยไม่อาศัยความพิจารณาไตร่ตรองให้ทั่วถึง เพราะหาไม่จะกลายเป็นความรู้ผิด เห็นผิด เป็นธรรมปฏิรูปไป ท่านทั้งหลายมาร่วมกันปฏิบัติงานด้านส่งเสริมทำนุบำรุงพระศาสนา ตลอดจนศีลธรรมจรรยาของประชาชน ย่อมมีหน้าที่ต้องศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม และเผยแพร่ธรรมอยู่ตลอดเวลา สมควรอย่างยิ่งที่จะศึกษา ปฏิบัติ และเผยแพร่ด้วยความระมัดระวังตั้งใจอย่างที่สุด เพื่อให้ได้เนื้อแท้ที่เที่ยงตรงตามพุทธบัญญัติและพุทธาธิบาย การบำเพ็ญกรณียกิจของท่านในด้านจรรโลงพระศาสนา จึงจะอำนวยผลอันบริสุทธิ์และบริบูรณ์ทุกแง่ทุกส่วน ตามศรัทธาและความปรารถนาที่ตั้งไว้ …”

และพระบรมราโชวาทที่พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในการเปิดประชุมใหญ่ของสมาคมพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 29 ในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2524 ก็ทรงอรรถาธิบายไว้แจ้งชัดว่า

“… ธรรมะในพุทธศาสนามีความหมดจดบริสุทธิ์และสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยเหตุผล ซึ่งบุคคลสามารถจะศึกษาและปฏิบัติด้วยปัญญาความเพ่งพินิจ ให้เกิดประโยชน์คือความเจริญความผาสุกแก่ตนได้อย่างแท้เที่ยง ตั้งแต่ประโยชน์ขั้นพื้นฐานคือการตั้งตัวได้เป็นปรกติสุข จนถึงประโยชน์ขั้นปรมัตถ์คือหลุดพ้นจากเครื่องเกาะเกี่ยวร้อยรัดทุกประการ ข้อนี้เป็นลักษณะพิเศษในพระพุทธศาสนาซึ่งทำให้พระพุทธศาสนามีคุณค่าประเสริฐสุด …”