ดาวหาง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอดูดาวบนเขาวังใน จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2403 พระราชทานนามว่า หอชัชวาลเวียงชัย ปัจจุบันชาวเมืองเพชรบุรีเรียกง่าย ๆ ว่า กระโจมแก้ว เพราะตัวอาคารมีลักษณะกลมคล้ายประภาคาร มีบันไดเวียนภายในขึ้นไปชั้นบน
หลังคาเป็นโดมมุงกระจก กลางคืนมีไฟส่องแสงเห็นไปได้ถึงทะเล ชาวเรือได้อาศัยนำเรือเข้าสู่บ้านแหลมหรืออ่าวตะบูน
ตลอดพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรดาวหาง 3 ดวง (ระวี ภาวิไล อ้างถึงใน สิงห์โต ปุกหุต 2527 : 64-65) คือ
1. ดาวหางฟลูเกอร์กูส (Flaugergues's Comet) มีขนาดใหญ่ และมี 2 หาง ปรากฏในรัชสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อ พ.ศ. 2355 ขณะนั้นเจ้าฟ้ามงกุฎมีพระชนมายุ 8 พรรษา
2. ดาวหางโดนาติ (Donati's Comet) มีขนาดใหญ่มาก นักดาราศาสตร์ชาวอิตาเลียนค้นพบในคืนวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2401 และคืนต่อ ๆ มาจนถึงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2402(รวมเวลา 9 เดือน) ชาวไทยคงจะเห็นด้วยตาเปล่าระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2401 ว่ามีหางหนึ่งเหยียดตรง อีกหางหนึ่งเป็นพู่โค้งสวยงามอยู่ราว 2 เดือน ผู้คนชาวไทยสมัยนั้นหวาดกลัวดาวหางยิ่งนัก เพราะมีความเชื่อมาแต่โบราณว่าดาวหางเป็นลางบอกเหตุร้าย พระ-บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแก้ปัญหาตามหลักวิทยาศาสตร์ ทรงสั่งสอนประชาชนให้มีเหตุผล ทรงออกประกาศล่วงหน้าตักเตือนผู้คนไม่ให้ตื่นตกใจ ทรงชี้ให้เห็นว่าดาวหางเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เห็นได้ทั่วโลกไม่เพียงแต่ในเมืองไทยเท่านั้น ทรงออกประกาศ ณ วันอาทิตย์ เดือน 11 ขึ้น 12 ค่ำ ปีมะเมีย สัมฤทธิศก ประกาศดาวหางขึ้นอย่าวิตก นั้นนับว่าเป็นประกาศทางวิทยาศาสตร์ฉบับแรกของประเทศไทย มีความว่า |